มิติหุ้น-TPCH เดินหน้า COD โรงไฟฟ้าชีวมวล TPCH 1, TPCH 2 กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ภายในไตรมาส 4/62 หนุนรายได้เข้าเป้าหมาย บิ๊กบอส “กนกทิพย์ จันทร์พลังศรี”พร้อมเดินหน้าประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะชุมชนรอบใหม่ ตั้งเป้าหมายยื่นประมูลราว 130 เมกะวัตต์ ลั่นปี 63 รายได้โตโดดเด่น
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด (CRB) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวล เป็นบริษัทแกน เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าชีวมวล TPCH 1, TPCH 2 ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 20 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 4/62 จะทำให้เพิ่มกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 80 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 60 เมกะวัตต์ และจะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/63 มั่นใจรายได้ปี 2562 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ บริษัทยังมีโครงการที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างรวมอีก 39 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ภายในปี 2563 ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าบริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด (PTG) โรงไฟฟ้าบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด (TPCH5) และโรงไฟฟ้าบริษัท สยาม เพาเวอร์ จำกัด (SP)
“ขณะนี้การก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล TPCH 1, TPCH 2 คืบหน้ากว่า 50% แล้ว มั่นใจว่าจะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 4/62 และสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาสแรกของปี 63 เป็นต้นไป โดยในปีหน้ากำลังการผลิตไฟฟ้าและรายได้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
สำหรับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561-2580 (AEDP2018) ซึ่งจะประกาศภายในเดือนกันยายนนี้ โดยร่างแผน AEDP2018 มีการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนจากพลังงานทั้งหมดอยู่ที่ 30% โดยจะมีการจัดสรรโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชนให้เอกชนเข้าลงทุนเพิ่มอย่างแน่นอน นับเป็นการสนับสนุนโอกาสของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญโรงไฟฟ้าทั้ง 2 ประเภท โดยบริษัทคาดว่าจะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิตประมาณ 90 เมกะวัตต์และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน กำลังการผลิตประมาณ 40 เมกะวัตต์ เพื่อให้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯได้วางไว้
อนึ่ง ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 มีกำไรสุทธิ 180.30 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.05% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 171.64 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 804.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.07% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้เต็มจากโรงไฟฟ้า 6 แห่ง”CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP” ที่จ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ครบตามขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 60 เมกะวัตต์
