คอลัมน์ KTBST Build Your Net Worth
ภาพรวมตลาดในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวค่อนข้างดีขึ้น ตลาดทั่วโลกกำลังจับตาดูการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน ในช่วงต้นเดือนตุลาคม แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แต่คาดการณ์ว่าตลาดผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว ทำให้ตลาดมีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่คลายความกังวลลง โดย SET Index เมื่อวันจันทร์ (9 ก.ย.) ที่ผ่านมาปิดตลาดในแดนบวกเล็กน้อยที่ 1,671.22 จุด +1.16 จุด (+0.07%) แม้ว่าระหว่างวันดัชนีมีการแกว่งตัวพอสมควร แต่เริ่มเห็นแรงซื้อของต่างชาติบ้างเล็กน้อย ทั้งนี้ ผลกระทบจากสงครามการค้านั้น ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯกับจีนชะลอตัวลง โดยเฉพาะตัวเลขการส่งออกจีน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ทั้ง 2 ฝ่าย กลับเข้าสู่เจรจากันมากขึ้น ซึ่ง KTBST มองว่ามีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงกันในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้า (17-18 ก.ย.) จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 0.25% ล่าสุด Fed มีการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังอยู่ในระดับที่ดี ในช่วงระยะจากนี้จนถึงช่วงปีหน้า Fed อาจลดดอกเบี้ยไม่เกิน 3 ครั้ง แต่ในระยะสั้นมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นและค่าเงิน รวมทั้งตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่จะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย และทำให้นักลงทุนลดความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ก.ย. คาดว่าจะยังคงมีการส่งสัญญาณการทำการอัดฉีดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทาง KTBST เชื่อว่าการลดดอกเบี้ยของ ECB อาจจะไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีเท่ากับการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ โดยการอัดฉีดดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป KTBST จึงคงคำแนะนำลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปด้วยน้ำหนักน้อยกว่าตลาด (Underweight) นอกจากนี้ ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 12 ก.ย. คาดว่าจะรายงานออกมาที่ 1.8% ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า หลังจากในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันแกว่งตัวในลักษณะคงที่ จากปริมาณการบริโภคที่ชะลอตัวลงอันเนื่องมาจากสงครามการค้าและดัชนีการจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) จากทางฝั่งสหรัฐฯที่ชะลอลง
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST ยังแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวกสนับสนุนรวมทั้งกลุ่มที่ราคาปรับตัวลงมามากแม้ตลาดจะเริ่มมีภาพรวมที่ดีขึ้น แต่แรงซื้ออาจยังไม่มากนักเพราะนักลงทุนรอดูผลการเจรจาการค้า ส่วนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้านั้น ราคาได้ปรับขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้าจึงแนะนำลงทุนเพียงบางตัว เช่น RATCH ขณะที่สินทรัพย์อื่นให้น้ำหนักลงทุนยังคงเป็น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน , ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้หรือ Investment grade ขึ้นไป รวมไปถึงทองคำที่ปรับตัวลดลงในช่วงสั้น จากการเก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางเพิ่มเติมและสถานการณ์สงครามการค้าที่ผ่อนคลายลง จะเป็นโอกาสในการลงทุนทองคำ ซึ่งทาง KTBST ยังเชื่อว่าการเจรจาการค้าจะยังไม่ได้ข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมก่อนช่วงเดือนตุลาคม ในขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆโดยภาพรวมเริ่มส่งสัญญาณอ่อนตัว ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้” https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php
ชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)