SMART ผู้ถือหุ้นไฟเขียวออก SMART-W2 จำนวน 92 ล้านหุ้น แจกผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 5:1 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น 19 ก.ย. นี้

156

มิติหุ้น – นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่ามติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/ 62 อนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 2 (SMART-W2) จำนวน 92,000,048 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1 บาท อายุ 2 ปี  จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับจัดสรร       SMART-W2 (Record Date) ในวันที่ 19 ก.ย. 62 และจัดสรร SMART-W2 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น  ในวันที่ 4 ต.ค.62

สำหรับอัตราการใช้สิทธิ SMART-W2 อยู่ที่ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ / 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 1.50 บาท/หุ้น ใช้สิทธิครั้งแรกเดือนพ.ค. 63 และสามารถใช้สิทธิได้อีก 3 ครั้ง จนครบอายุใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 3 ต.ค. 64 ทั้งนี้บริษัทจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 460,000,240 บาท เป็น 552,000,288 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 92,000,048 หุ้น  รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพ SMART-W2

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร พัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาระบบงานต่างๆ เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการผลิต ระบบบริหารคลังสินค้า และระบบจัดส่งสินค้า ซื้อแหล่งวัตถุดิบ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและรองรับคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะงานส่งออกในประเทศเพื่อนบ้าน

แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศ มีทิศทางที่ดี โดยมีปัจจัยจากความต้องการวัสดุก่อสร้างนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ งานก่อสร้างอาคารสถานีรถไฟฟ้าสายต่างๆที่เริ่มดำเนินโครงการต่อเนื่อง และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทยอยลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้น อาทิ งานอาคารสูง ห้างสรรพสินค้า และที่พักอาศัยแนวราบ ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาปรับตัวดีขึ้น

ส่วนตลาดในกลุ่มประเทศ AEC บริษัทได้รุกตลาดในประเทศ สปป.ลาวมากขึ้น โดยมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากความต้องการใช้งานในสปป.ลาวมีการขยายตัวค่อนข้างมาก ปัจจุบัน มีออเดอร์สินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดในประเทศกัมพูชา ยังเติบโตดีมีปริมาณคำสั่งซื้อต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 %

“บริษัทยังคงเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักและผลักดันสินค้าผ่านทุกช่องทางการจำหน่าย ส่วนของโครงการภาครัฐ-เอกชนขนาดใหญ่ก็ยังเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่” นายรังสี กล่าว

www.mitihoon.com