ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ว่า ราคาหุ้น DELTA ได้ปรับตัวลง 29% ในรอบ 5 เดือน หลัง DELTA Taiwan ทำ Tender Offer ที่ 71 บาทต่อหุ้น จากประเด็นสงครามการค้ากดดันยอดขายหุ้นกลุ่ม electronic ทั่วโลก 2) ค่าเงินบาท/USD ที่แข็งค่าต่อเนื่องกดดันอัตราการทำกำไรของกลุ่ม และ 3) ความกังวลต่อนโยบายหลัง DELTA Taiwan เข้ามาถือหุ้นเพิ่ม อาจผลักสินค้าที่ทำกำไรต่ำและเพิ่มค่าใช้จ่ายลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง
คาดปันผล2บาทต่อหุ้น
ฝ่ายวิจัยมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวไปมากแล้ว โดยซื้อ ขาย บน PER62 ที่ 14.1x (-1.5SD) ของกำไรปีที่แย่ที่สุดในรอบ 6 ปีหลังสุด ขณะที่หุ้นหลักตัวอื่นในกลุ่มกลับขึ้นไปซื้อขายที่ค่าเฉลี่ยแล้ว ขณะที่ DELTA มี downside จำกัดจากเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 2/62 ราว 9.76 บาทต่อหุ้นและให้คาดหวังปันผลราว 2.0 บาทต่อหุ้น (yield 4.0%) จ่ายปีละครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยสงครามการค้าที่มีความไม่แน่นอน ทำให้ผู้ผลิตต้องมองหาทางเลือกกระจายความเสี่ยง ทำให้เชื่อว่า DETLA Taiwan จะผลัก Order มาเพิ่มต่อเนื่อง แต่หากสงครามการค้าคลี่คลาย คำสั่งซื้อลูกค้ารายอื่นๆมีโอกาสกลับสู่ระดับปกติ 2) ค่าเงินบาท/USD แข็งค่ากดดันงบไตรมาส 3/62 แต่ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่เริ่มอ่อนแอ จำกัด downside การแข็งค่าในระยะถัดไป และ 3) การปรับขึ้นค่าลิขสิทธิ์เกิดขึ้นสองไตรมาสแล้ว ทำให้ฐาน QoQ จะไม่ถูกกระทบ ขณะที่การปรับ line การผลิต มีโอกาสแล้วเสร็จในไตรมาส 3/62 ทำให้จะเริ่มเห็นผลบวกตั้งแต่ไตรมาส 4/62 และคาดได้รับผลบวกเต็มปีในปี 2563
ส่องกำไรปี63โต10%เชียร์ “ซื้อ”
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้คงประมาณการกำไรปกติปี 2562 ที่ 4.48 พันล้านบาท (–10% YoY) จากผลกระทบสงครามการค้าและการปรับ line การผลิตรองรับ order Delta Taiwan แต่คาดกำไรปกติปี 2563 กลับมาโต 10% YoY ที่ 4.9 พันล้านบาท จากการรับรู้ order จาก Delta Taiwan เต็มปี จึงได้ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 57.50 บาทต่อหุ้น (อิง PER 16x) ความเสี่ยสำคัญได้แก่ 1) margin หดตัวหลัง DELTA Taiwan เข้ามา 2) สงครามการค้าลากยาว และ 3) ค่าเงินบาท/USD แข็งค่าต่อเนื่อง