GBS แนะเก็งกำไรหุ้นรับอานิสงส์การใช้เงิน “ชิม ช้อป ใช้” ชู ROBINS–BJC–MAKRO–SPA–ERW–TNP-CPALL ฟอร์มเด่น

40

                                             

มิติหุ้น- บล. โกลเบล็ก จับกลยุทธ์เล่นหุ้น “ชิม ช้อป ใช้” หนุนเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายปี 62 เตรียมส่งไม้ต่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในการประชุม ครม. ต้นสัปดาห์หน้า พร้อมให้กรอบดัชนี 1,625- 1,655จุด ชูหุ้นเด่น ROBINS, BJC, MAKRO, SPA, ERW, TNP และ CPALL ส่วนกลยุทธ์ลงทุนทองคำ แนะรอรับที่ 1,450 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ 21,000 บาท

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ปรับตัวในลักษณะ Sideway ในกรอบ 1,625 – 1,655 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ชิม ช้อป ใช้” ที่เริ่มใช้ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายคึกคักมากขึ้น และในวันที่ 7 ต.ค. นี้จะมีการประชุมครม.เศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาปลดล็อกปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ด้านการท่องเที่ยว เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่มีผลต่อการลงทุนต่อเนื่อง ยังคงเป็นปัจจัยต่างประเทศ อาทิ สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐเริ่มมีความปั่นป่วนมากขึ้น หลังจากสภาผู้แทนราษฎร์สหรัฐเดินหน้ากระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการในการถอดถอนปธน.ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งกรณีถูกกล่าวว่าว่าดึงต่างชาติแทรกแซงการเลือกตั้ง และสหรัฐกำลังพิจารณาที่จะจำกัดการลงทุนของสหรัฐในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะเดียวกันธนาคารโลกอยู่ระหว่างทบทวนตัวเลขประมาณการ GDP ไทยในปีนี้ใหม่ซึ่งคาดจะลดลงจากประมาณการเดิมเมื่อเดือนก.ค.ที่ประเมินว่าจะขยายตัวได้ 3.5%

นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก  กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ต้องจับตาต่อเนื่อง ยังคงเป็นในเรื่องของปัจจัยต่างประเทศ โดยในวันที่ 1 ต.ค. อียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย. อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. และสหรัฐ  เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.

ส่วนวันที่ 2 ต.ค. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP   ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และวันที่ 3 ต.ค. อียู ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ย. ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. รวมทั้งสหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.  และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” โดยมีหุ้นเด่นดังนี้   ROBINS, BJC, MAKRO, SPA, ERW, TNP และ CPALL รวมทั้งหุ้น Defensive Stock  (Beta <1 yield >5%) ในกลุ่มการเงิน เช่น THREL, TISCO และ KKP กลุ่มอสังหาฯ เช่น QH, SPALI, SPF และ DCC กลุ่มอาหารและค้าปลีก เช่น RSP, TVO และ TWPC กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เช่น BTSGIF, DIF และกลุ่มจัดงานอีเวนท์ เช่น GPI

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าราคาทองคำที่ลงมาแรง เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากกองทุน SPDR ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาเข้าเก็บทองคำกว่า 122 ตันสู่ 920 ตันสูงที่สุดในรอบ 3 ปี  โดยส่วนใหญ่เป็นธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เข้าซื้อ

ดังนั้นระยะสั้นราคาทองคำ อาจอ่อนตัวลงเนื่องจากหลุดแนวรับทางเทคนิค มีแนวรับต่อไปที่ 1,450 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ 21,000 บาทและมีแนวต้านที่ 1,500 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ 21,800 บาท ส่วนระยะกลาง ยังคงมีมุมมองบวกจากคาดว่าเฟดลดดอกเบี้ยช่วง ธ.ค. 0.25% สู่ 1.75% แต่การประชุมเดือน พ.ย. คาดว่าจะคงดอกเบี้ย