IVL ปิดดีลซื้อกิจการไนจีเรีย

251

ผู้สื่อข่าว มิติหุ้น รายงานว่า บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL  ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าบริษัทได้ปิดดีลซื้อหุ้นในอัตราร้อยละ 100 ของบริษัท Bevpak (Nigeria) Limited (“Bevpak”) เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น IVL ไว้ที่ระดับ 43 บาท ราคาหุ้น IVL อ่อนตัว สะท้อนความผิดหวังผลประกอบการ ทำให้ประมาณการถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม Valuation ปัจจุบันกลับมาน่าสนใจ ด้วย PBV 1.2 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต-2SD  โดยคาดหวังการฟื้นตัวของกำไรจากการดำเนินงาน 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2563 หนุนโดยต้นทุน PX ที่ตกต่ำ แนะนำ Trading Buy เปลี่ยนไปใช้ราคาเป้าหมายกลางปี 2563 ที่ 43 บาท อ้างอิง PBV เฉลี่ย-1SD ที่ 1.5 เท่า ถูกกดดันจากประเด็นห้ามการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียว

ความกังวลประเด็นการออกกฏหมายห้ามใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวของอินเดีย เป็นหนึ่งในปัจจัยกดดันหุ้น IVL ในช่วงที่ผ่านมา การห้ามใช้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ ได้แก่ หลอด ถุง ถ้วย จาน ขวด และบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2562 เป็นต้นไป ผลกระทบต่อผู้ผลิต PET คาดมีจำกัด ปัจจุบันผู้ผลิต PET ในอินเดียอยู่ระหว่างการเจรจากับภาครัฐเพื่อขอยกเว้นคำสั่งดังกล่าว เช่นเดียวกับในกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐที่ยกเว้นการห้ามใช้ เนื่องจาก PET เป็นพลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100%

ในกรณีเลวร้ายหาก PET ถูกจำกัดการใช้ผู้ประกอบการยังสามารถปรับตัวไปทำขวดที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ เนื่องจากคุณสมบัติยังมีจุดเด่นกว่าบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุอื่น จากน้ำหนักที่เบากว่า แนวโน้มกำไรหลักไตรมาส 3/2562 อ่อนตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ปรับประมาณการลงอีกครั้งผลประกอบการปกติไตรมาส 3/2562 มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่เคยประเมิน เนื่องจากมาร์จิ้นทั้งในเอเชียและตะวันตกที่ชะลอตัวลง โดยส่วนต่าง PET/PTA เฉลี่ยทั่วโลกในเดือน ก.ค.-ส.ค. อ่อนตัวลง 6% ไตรมาสก่อนหน้า

ขณะที่ปริมาณผลิตคาดทรงตัวไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ผลประกอบการปกติอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า ปรับประมาณการกำไรจากการดำเนินงานปี 2562-63 ลง 11.6-20.8% เป็น 16,380 และ 19,657 ล้านบาท สะท้อนส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PTA-PET integrated margin ที่หดแคบลงดังกล่าว เราปรับลด Core EBITDA/ton ลง 3.5-5.4% เหลือ 106 และ 110 เหรียญต่อตัน ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิปี 2562 ถูกปรับลง 25.7% เหลือ 12,410 ล้านบาท สะท้อนขาดทุนสต๊อก 4,000 ล้านบาท ที่รับรู้ไปในครึ่งปีแรกของปี 2562