มิติหุ้น-CKP ยิ้มรับกำไรโรงไฟฟ้าไซยะบุรี สปป.ลาวเตรียม COD 29 ต.ค.นี้ ส่งผลกำไรปี 63 พุ่งทะยานนิวไฮผู้บริหารการันตี กำไรเติบโต 2 หลัก พร้อมเดินหน้าลุยโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำต่อเล็งไว้ 2 แห่ง สปป.ลาว และเมียนมา
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าโดย นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีจะเริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 กำลังผลิตทั้งหมด 1,285 เมกะวัตต์ ภายหลังจากใช้ระยะเวลาก่อสร้างถึง 12 ปี ด้วยงบลงทุนทั้งหมด 135,000 ล้านบาท เพื่อขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)สัดส่วน 95 % ของกำลังผลิตทั้งหมด และ รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (Electricite du Laos) 5% ในอัตรา 2 บาท/หน่วย โดย CKP มีสัดส่วนลงทุนใหญ่ที่สุดถึง 37.5 % ซึ่งจะส่งผลให้ปี 2563บริษัทจะรับรู้รายได้เต็มทีและมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของบริษัท
เล็ง 2 โรงไฟฟ้าในลาว-เมียนมา
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการลงทุนในอนาคตโดยยังคงเน้นลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นหลัก ซึ่งสนใจอยู่ 2 โครงการคือโครงการโรงไฟฟ้าที่ สปป.ลาว และที่โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่บริเวณแม่น้ำสาละวิน ที่ประเทศเมียนมา นอกจากนี้ยังมี โครงการโซลาร์ รูฟท็อปด้วย เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายปี 2568 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ 5,000 MW จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,167 MW
รายได้ไซยะบุรี 1.3-1.4 หมื่นล./ปี
ด้านยนางมัณฑนา เอื้อกิจขจร รองกรรมการผู้จัดการ งานวางแผน เปิดเผยว่า ภายหลังโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเริ่มจ่ายไฟเชิงเชิงพาณิชย์ (COD) ในวันที่ 29 ต.ค. 2562แล้ว คาดว่า โรงไฟฟ้าไซยบุรีจะสามารถสร้างรายได้ปีละ 1.3 -1.4 หมื่นล้านบาทและมีอัตรากำไรที่ราว 12-15% ต่อปีหรือราว 4,000-5,000 ล้านบาท/ปี โดย CKP จะรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าไซยบุรี ( CKP ถือสัดส่วน 37.5 %)ราว 1,300-1,4000 ล้านบาท หรือตกเฉลี่ยเดือนละกว่า 100 ล้านบาท
ดอกเบี้ยเงินกู้ลดเหลือ 6.1 %
อย่างไรก็ตามภายหลังบริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีแล้วในอาคตยังช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยในปัจจุบันลงจากระดับ 6.2-6.3 % ลงมาอยู่ที่ 6.1 % หรือต่ำวกว่าได้ หรือมีโอกาสปรับลงในระดับดอกเบี้ยของโรงไฟฟ้าน้ำงึมซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 3.6 % ได้ในอนาคต
www.mitihoon.com