เอไอเอส จัดบิ๊กเดย์ “กรีน พหลโยธิน” จับมือองค์กรพันธมิตรเส้นถนนพหลโยธิน ร่วมรณรงค์ ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ E-Waste เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี

79

มิติหุ้น – เอไอเอส สานต่อภารกิจ ถ้าเราทุกคน คือเครือข่าย” จับมือพันธมิตร ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน จัดกิจกรรมใหญ่ กรีน พหลโยธิน” ร่วมรณรงค์รับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ EWaste จากหน่วยงานและประชาชนตลอดเส้นถนนพหลโยธิน สร้างโมเดลต้นแบบเมืองสีเขียว ที่สามารถ คัดแยก และกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ EWaste ได้อย่างถูกวิธี พร้อมอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทั่วไปสามารถนำโทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่มือถือ พาวเวอร์แบงก์ สายชาร์จ หูฟังที่ไม่ใช้แล้ว มาทิ้งได้ที่ถังขยะ  EWaste ที่เอไอเอสช็อปและศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลทั่วประเทศ

 กรีน พหลโยธิน เป็นโครงการที่จัดขึ้นโดยการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายกับองค์กรพันธมิตร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน บนถนนเส้นพหลโยธิน อาทิ สำนักงานเขตพญาไทททบ. 5สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ, โรงพยาบาลพญาไท 2บุญเติมอาคารพหลโยธินเพลสธ.กรุงเทพธ.กรุงไทยธ.กรุงศรี, ธ.กสิกรไทยธ.เกียรตินาคินธ.ทหารไทยธ.ไทยพาณิชย์ธ.ธนชาตธ.ยูโอบี, ธ.ออมสิน, IBM, Exim Bank เพื่อจะร่วมกันรณรงค์ ผลักดันให้เกิดการคัดแยก และการทิ้งขยะ EWaste อย่างถูกวิธี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยมี ผู้บริหารระดับสูง และพนักงาน นำโดย CEOAIS นายสมชัย  เลิศสุทธิวงค์ พร้อมด้วย 2 พรีเซนเตอร์สุดฮอต มิว นิษฐา และ ทอม อิศรา ร่วมเดินรณรงค์ให้ความรู้ และรับขยะ EWaste จากประชาชน โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเขตพญาไท เป็นกำลังสำคัญในเครือข่ายความร่วมมือครั้งนี้

นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าส่วนงานพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน เอไอเอส กล่าวถึงกิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้ว่า ในฐานะ Digital Life Service Provider ที่นอกจากจะมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีมาสร้างประโยชน์ให้แก่คนไทยทุกเจเนอเรชันแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ (Stakeholder) รวมถึงการร่วมดูแลรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้พัฒนาและเติบโตไปพร้อมๆ กัน ในปีนี้เอไอเอสจึงได้ประกาศภารกิจ Mission Green 2020 ที่มีเป้าหมายในการดูแลและเอาใจใส่สิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ EWaste จากทั่วประเทศจำนวนกว่า 1 แสนชิ้น เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมทั้งสิ้น 1 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนสมมูลย์

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EWaste ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่คนทั่วทั้งโลกให้การตระหนักถึง และพยายามหาทางแก้ไข เนื่องจากขยะประเภทนี้ หากไม่ได้กำจัดหรือทำลายอย่างถูกวิธี ก็จะก่อให้เกิดมลภาวะและส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ดังนั้น เอไอเอส ในฐานะดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมดิจิทัลโดยตรง เราจึงมุ่งมั่นในการสร้างองค์ความรู้เรื่องขยะ EWaste แก่คนไทย พร้อมอาสาเป็นตัวกลางในการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ EWaste ไปกำจัดอย่างถูกวิธี ด้วยกระบวนการ Zero landfill (กระบวนการจัดการขยะ ทำให้นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ให้เกิดมูลค่าได้อีกครั้ง) ซึ่งเอไอเอสได้ตั้งจุดรับขยะ EWaste ให้บริการประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อาทิ AIS Shop ทั่วประเทศ และศูนย์การค้า CPN สามารถดูพื้นที่จุดรับขยะ EWaste และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ewastethailand.com

ด้าน นายสินธุ์ชัย บุญปักษ์ ผู้อำนวยการเขตพญาไท กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองให้สดใส ประชาชนปลอดภัย เราเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดจากขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นอันดับต้นๆ ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นภัยใกล้ตัว และทุกคนก็ต่างผลิตขยะอันตรายเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยรายงานในปี 2561 ของกรมควบคุมมลพิษระบุว่า คนไทยทิ้งขยะอันตรายมากกว่า 638,000 ตัน ซึ่งขยะส่วนใหญ่เป็นซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 65% ในขณะที่ขยะทั้งหมดได้รับการจัดการอย่างถูกวิธีเพียงไม่กี่ตันเท่านั้น  ดังนั้นทางสำนักงานเขตจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่จะร่วมมือกับเอไอเอสและทุกภาคส่วนในการลุกขึ้นจัดการกับปัญหานี้ เพื่อจะพัฒนาเขตพญาไทให้เป็นต้นแบบเมืองสีเขียวที่สามารถจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกวิธี ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากองค์กร ประชาชน ในการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ EWaste  เป็นจำนวนมาก ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างพลังจากเครือข่ายในการบริหารจัดการปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตส่วนรวมของสังคม โดยในกรณีนี้เอไอเอสยินดีที่จะเป็นตัวกลางสร้างเครือข่าย     ความร่วมมือที่ดีๆ แบบนี้ขึ้นทั่วประเทศ เพื่อจะร่วมสร้างไทยให้เป็นประเทศที่สามารถกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกวิธีและยั่งยืนต่อไป นางสาวนัฐิยา กล่าวปิดท้าย

www.mitihoon.com