SQ เซ็นคว้าสัมปทานเหมืองถ่านหินพม่า 25 ปีรับรู้รายได้ปีหน้า แบ็คล็อคสูง 29,000 ล้าน เร่งงานทุกโครงการ 9 เดือนขาดทุนลดลง 60%

419

มิติหุ้น – บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ ผู้รับเหมางานเหมืองแร่ครบวงจร อันดับ 1 ของอาเซียนเลื่อนชั้นสำเร็จ เซ็นคว้าสัมปทานเหมืองถ่านหินที่พม่า 25 ปี พร้อมรับรู้รายได้ขายถ่านหินปีหน้า     ชูแบ็คล็อคสูง 29,000 ล้านบาท

นายกวิตม์ ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ กล่าวว่า “บริษัทฯ ยินดีที่จะแจ้งว่า บริษัท เมือง ก๊ก เอ็นเนอยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในอัตรา 70% ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้รับสิทธิในสัมปทานในการทำเหมืองทั้งหมด ในโครงการเหมืองถ่านหิน เมืองก๊ก (Mai Khot Coal Mine) ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพ เมียนมาร์ ซึ่งเป็นเหมือง ที่มีขนาดใหญ่ ถึง 13 ตารางกิโลเมตร และการคาดการณ์ในเบื้องต้น ว่ามีปริมาณถ่านหิน ทางธรณีวิทยา ประเภทซับบิทูมินัส และลิกไนต์ ประมาณ 100 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเพียงพอ สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง ของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยในช่วงต่อไปบริษัทจะจัดทำแผนจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และสื่อสารชุมชน ก่อนการเข้าทำงานขุดขน ถ่านเชิงพาณิชย์ พร้อม ๆ กับการทำแผนการสำรวจลักษณะ ทางเคมี ปริมาณสำรองถ่านหินใน เขตพื้นที่ประทานบัตรโดยละเอียดควบคู่ไปกับการศึกษาความเป็นไปได้ใน  การลงทุนต่อยอดด้านพลังงานในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าในการก้าวสู่ การเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ และธุรกิจพลังงานที่มีความยั่งยืนทางธุรกิจ

ปัจจุบัน บริษัทดำเนินโครงการขุดขนดินและถ่านหินภายใต้ 3 โครงการหลัก คือโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 โครงการเหมืองแม่เมาะ 8 ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิคแห่งประเทศไทย และโครงการเหมืองหงสา โดยมีมูลค่างานที่เซ็นสัญญารอรับรู้รายได้ ประมาณ 29,000 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา

หลังจากในครึ่งปีแรกปี 2562 บริษัทมีรายได้ รวม 2,448 ล้านบาท   และกำไรสุทธิ 151 ล้านบาทนั้น ในงวดไตรมาส 3  ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในฤดูฝนซึ่งเป็นช่วง Low Season ของทุกปี บริษัทมีรายได้รวม 891 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 ที่ทยอยเพิ่มอัตราการผลิตของระบบสายพาน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมีต้นทุนการดำเนินการเพิ่มสูงขึ้น

สาเหตุหลักมาจากต้นทุนน้ำมันและต้นทุนค่าเช่าจากการใช้งานเครื่องจักรในช่วงฤดูฝนที่ไม่ได้ตามแผน ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท และค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น 18 ล้านบาท จากโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 ที่รับรู้เต็มจำนวน ส่งผลให้ไตรมาส 3/2562 มีผลขาดทุนสุทธิ 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2561 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 199 ล้านบาท อย่างไรตาม

หากพิจารณาผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น 60% โดยขาดทุนสุทธิลดลงเหลือเพียง 115 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 295 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561

นายกวิตม์ กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯมีปริมาณงานคงเหลือในมือประมาณ 29,000 ล้านบาท รองรับ การรับรู้รายได้ประมาณ 9 ปี ซึ่งสามารถแบ่งเป็น งานโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 มูลค่าประมาณ 16,966 ล้านบาท,  งานโครงการเหมืองหงสา ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมูลค่าประมาณ 9,118 ล้านบาท และล่าสุดบริษัทฯ ได้รับงานเพิ่มจากโครงการเหมืองหงสา มูลค่ากว่า 2,265 ล้านบาทซึ่งอยู่ระหว่าง การจัดเตรียมเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยมีแผนการทำงานรับรู้รายได้ในเดือนมกราคม 2563 ตามกำหนดการ เดิม งานโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 มูลค่าประมาณ 550 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 28,899 ล้านบาท (ยังไม่รวม งานเหมืองถ่านหิน รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ซึ่งยังไม่ได้เซ็นสัญญาขุดขนดินและถ่านหิน)

www.mitihoon.com