มิติหุ้น-บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ผลงานทะยานลิ่ว โชว์ Backlog กว่า 4,384 ล้านบาท ยิ้มรับผลงาน 9 เดือน รายได้พุ่งกระฉูดกว่า 100% กวาดรายได้รวม 751 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสาเหตุหลักมาจากการรุก ‘ดิจิทัล แพลตฟอร์ม’ ผนวกกับรักษาฐานลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น และมีลูกค้าใหม่เพิ่มด้วยประสิทธิภาพของโครงข่ายและความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของการให้บริการ บิ๊กบอส “ณัฐนัย อนันตรัมพร” ลั่นโค้งสุดท้ายโตแรง จ่อเซ็นรับงานภาครัฐ-เอกชน ดันนิวไฮทั้งยอดขายและกำไร
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 48.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 41.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.14 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 16.36% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 6.44% ขณะที่ บริษัท มีรายได้รวม 750.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 327.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 77.39 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 423.19 ล้านบาท เนื่องจากประสบความสำเร็จในประสิทธิภาพและเสถียรภาพของโครงข่ายและการบริหารจัดการภายในอย่างดีเยี่ยม
ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2562 บริษัทมีรายได้จากงานบริการโครงข่ายอยู่ที่ 214.04 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.51 ของรายได้รวม เทียบกับไตรมาส 3/2561 ที่มีรายได้ 164.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.75 % เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ 75 จังหวัด รวมทั้งเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อไปยังลูกค้า ในขณะเดียวกันโครงข่ายของบริษัทฯ ได้มีการมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพโครงข่ายสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริการด้วยบริการแบบครบวงจร พร้อมแนวคิดการดูแลลูกค้าลักษณะ Customization อีกทั้งบริษัทฯยังเป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจด้วยคุณภาพของการให้บริการ ที่ SLA 99.99% ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการเติบโตตามปกติในทุกๆไตรมาส
ส่วนรายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายอยู่ที่ 505.83 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 67.38 ของรายได้รวม เทียบกับไตรมาส 3/2561 ที่มีรายได้ 229.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.71% แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคมให้แก่ลูกค้าจำนวน 503.19 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายลูกค้าเข้ากับโครงข่ายของบริษัทจำนวน 2.64 ล้านบาท โดยงวดนี้บริษัทมีการรับรู้รายได้งานโครงการที่สำคัญ คือ โครงการอินเตอร์เน็ทความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) จำนวน 412.49 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ มีรายได้จำนวน 26.28 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.50 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 19.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ เติบโตขึ้นจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่สามารถเรียกเก็บจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ และส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการ Cloud Service สำหรับธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ ในปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตจากปี 2561 อย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีดาต้า เซ็นเตอร์ถึง 2 แห่ง โดยในแห่งแรกได้สร้างเสร็จและให้บริการเต็มพื้นที่เรียบร้อยแล้ว และในส่วนดาต้า เซ็นเตอร์ แห่งที่ แห่งที่ 2 คาดภายในสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้บริการ 50-60% ส่วนแผนปี 2563 จะเปิดให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ส่วนที่เหลืออีก 30% เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มธนาคารและภาครัฐ
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/2562 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดว่าแนวโน้มเติบโตไปตามเทรนด์ 5G จากการที่ผู้ให้บริการมือถือมีการขยายโครงข่าย โดย ITEL เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่ติดตั้งโครงข่าย ให้กับทรู และ เอไอเอส อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะยังคงบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการรับงานติดตั้งโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ และจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดย ITEL ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลาง “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายการสื่อสารไปยังทั่วทุกพื้นที่ได้รวดเร็วขึ้น สร้างรายได้ที่ดีต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า
นอกจากนี้บริษัทฯ พร้อมผงาดสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรในระดับองค์กร ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี บริการด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ บริการ Cloud Service บริการด้าน Cloud Computing ร่วมกับพาร์ทเนอร์ บริการด้าน Data Center ที่มีบริการเส้นทางเชื่อมต่อไปยังทั่วทุกพื้นที่ เพื่อให้การจัดเก็บหรือสำรองข้อมูลมีเสถียรภาพสูงสุด บริการรับออกแบบ ติดตั้ง และดูแลรักษา Network ภายในของลูกค้าองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาให้บริการในรูปแบบ Customization เพื่อการออกแบบโซลูชั่นตามความต้องการขององค์กรลูกค้า ซึ่งเมื่อลูกค้าได้ระบุความต้องการมาทาง ITEL ก็จะนำเสนอโซลูชั่นให้กับลูกค้า
นายณัฐนัย กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลประกอบการของปี คาดว่าน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น จากการรับรู้รายได้จากการให้บริการโครงการอินเตอร์เน็ทชายขอบ (USO Phase 1) และการติดตั้งโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) อีกทั้งยังมี Backlog ในมือที่ตุนไว้จำนวนมาก จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะทำได้ดีเกินกว่าเป้าหมายทั้งรายได้และกำไร ตอกย้ำผลงานปีนี้ของบริษัทฯ เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งรายได้และกำไร และยังเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ โดยเฉพาะงานจากภาครัฐ เช่น โครงการบูรณาการระบบกล้อง CCTV ภาครัฐ โครงการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ โครงการติดตั้งเชื่อมโครงข่ายระบบดาต้าเซอร์วิสของหน่วยงานทหารในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมความพร้อมเข้าประมูลงานโครงการ Tele Health สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายโครงการเน็ทประชารัฐ คาดหวังว่าจะมีการประมูลงานในปลายปีนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปี 2563 ซึ่งหากได้งานจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น