ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.น้ำมันพืชไทย หรือ TVO ว่า ผลประกอบการของ TVO ในช่วงไตรมาส3/62 มีกำไรสุทธิ 377 ล้านบาท (-18%YoY,+34%QoQ) ซึ่งการลดลงดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ฝ่ายวิจัยได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าได้รับผลกระทบจากราคาขายที่ลดลงในทิศทางเดียวกันกับตลาดโลก แต่หากเทียบกับไตรมาส2/62 การเติบโตเกิดจากผลดีของต้นทุนที่ปรับตัวลดลงอย่างมากจากผลดีของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นได้
รับผลดีเกิดโรคระบาดAFS
ส่วนผลกระทบจากการระบาดของโรค AFS ในพื้นที่รอบๆประเทศไทย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาทาง TVO ได้รับผลดีจากการที่ผู้ใช้กากถั่วเหลือง หันมาใช้กากถั่วเหลืองในประเทศแทน เพื่อลดความเสี่ยงหากโรคดังกล่าวเกิดขึ้นในไทย ส่วนราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกได้เริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงที่ผ่านมา จากผลดีของผลผลิตจากสหรัฐอเมริกาที่ออกมาน้อยกว่าคาด (และยังมีโอกาสปรับตัวต่ำกว่าที่คาดได้อีกเนื่องจากหลายพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพอากาศหนาวที่เกิดขึ้น)
รวมถึงการปลูกที่ทวีปอเมริกาใต้เริ่มต้นได้ช้ากว่าที่ปีก่อนอีกทั้งหลายพื้นที่ยังประสบปัญหาความชื้นในดินอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ ซึ่งจะกระทบกับผลผลิตได้ทำให้ในฤดูผลิตปี 63 จะเป็นครั้งแรกที่การผลิตมีน้อยกว่าการบริโภค แต่การปรับตัวดังกล่าวยังไม่มากนักเพราะยังถูกกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ทำให้ต้องติดตามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับผลการเจรจาที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นเช่นใด
ขยายกำลังผลิตปลุกรายได้ปี63แรง
ทั้งนี้จากกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี62 คิดเป็นสัดส่วน 75% ของกำไรทั้งปีที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้เดิมที่ 1,361 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มในช่วงไตรมาส4/62 เบื้องต้นฝ่ายวิจัยคาดกำไรจะออกมาใกล้เคียงหับไตรมาส3/62 ที่ระดับ 370-400 ล้านบาท จากผลดีของต้นทุนที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำมัน ที่คู่แข่งอย่างน้ำมันปาล์มมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงได้ปรับประมาณการเล็กน้อยโดยคาดกำไรสุทธิที่ 1,385 ล้านบาท
ส่วนปี 2563 ฝ่ายวิจัยคาดว่าด้วยความกังวลเกี่ยวกับโรค AFS รวมถึงการขยายกำลังการผลิตทำให้รายได้จะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง โดยฝ่ายวิจัยคาดรายได้และกำไรสุทธิที่ 26,259 ล้านบาท และ 1,686 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้แม้ผลประกอบการจะออกมาลดลงจากปีก่อน แต่เริ่มเห็นการฟื้นตัวได้จากไตรมาสก่อนหน้าและคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวต่อไปจนถึงปี 2563 จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคารเป้าหมายใหม่ที่ 29 บาท
www.mitihoon.com