ECF-META-SCN บุ๊กรายได้โรงไฟฟ้ามินบู 50 MW

848

มิติหุ้น-โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา (พม่า) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 220 MW  เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) Phase 1 ขนาดกำลังการผลิต 50 MW ไปแล้วเมื่อวันที่ 27 ก.ย.62 ที่ผ่านมา โดยได้รับประทับตราลงนามรับรองการซื้อขายไฟฟ้า จากกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานเมียนมาอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 15 พ.ย.62 ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนทั้งสาม “SCN-ECF-META”

นายออง ทีฮา ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด หรือ (GEPT) กล่าวว่า “โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ได้เริ่ม COD ไปแล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการจะรับรู้รายได้ตั้งแต่วันที่เริ่ม COD ในอัตราค่าไฟที่ 0.1275 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งโรงไฟฟ้ามินบูได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Electric Power Generation Enterprise (“EPGE”) ภายใต้การดูแลของกระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน Ministry of Electricity and Energy (“MOEE”) เป็นระยะเวลา 30 ปี ขนาดติดตั้ง 220 MW แบ่งออกเป็น 4 เฟส ซึ่ง 3 เฟสแรกจะมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งเฟสละ 50 MW และ 70 MW สำหรับเฟสสุดท้าย

โดยปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้ามินบูมีผู้ร่วมลงทุนหลักคือ บมจ. สแกน อินเตอร์ (SCN) ถือหุ้น 30%, บมจ.เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) ถือหุ้น 12%, บมจ. อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค หรือ ECF ถือหุ้น 20% และ Noble Planet Pte. Ltd. (NP) ถือหุ้น 38%  ซึ่งโครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากทีมที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ และผู้สนับสนุนทางการเงินอย่างธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Export–Import Bank of Thailand) ทั้งนี้เราจะมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการต่อไปให้สำเร็จทั้ง 4 เฟสโดยเร็วที่สุด และไม่หยุดที่จะมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCN  ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก กล่าวว่า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ที่ได้ COD  อย่างเป็นทางการแล้วนั้น ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่และถือเป็นความภาคภูมิใจของทั้งชาวเมียนมาและพันธมิตรทางธุรกิจทุกคน โดยบริษัทมีสัดส่วนการลงทุนในโครงการ 30 % โดยมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 292 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 10,000 ล้านบาท

โดยบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้ส่วนแบ่งตามสัดส่วนการถือหุ้นในไตรมาส 4/62 นอกจากนี้ยังได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายตัวทางด้านธุรกิจพลังงานในประเทศจึงได้เข้าไปศึกษาและลงทุนในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป (สำหรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชนหรือ Private PPA) ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยโดยมีส่วนลดค่าไฟฟ้าเมื่อเทียบกับค่าไฟฐานโดยลงทุนใน “บ.สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ หรือ SAP” คาดว่าปลายปี 62 นี้จะมีสัญญา Private PPA รวมกว่า 10 MW ซึ่งตั้งเป้าถึงปี 65 บริษัทจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในสัญญา Private PPA รวมทั้งสิ้นกว่า 110 MW คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นผู้ประกอบการที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในช่วงกลางวันอาทิ ภาคธุรกิจโรงแรม, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงพยาบาล และโรงเรียน เป็นต้น

ด้าน “นายอารักษ์  สุขสวัสดิ์” กรรมการผู้จัดการ  ECF กล่าวว่า บริษัทได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 220 MW  โดย ECF ถือหุ้นในสัดส่วน 20%  โดยบริษัทจะทยอยรับรู้กำไรส่วนแบ่งตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งหากดำเนินการก่อสร้างครบทั้ง 4 เฟสแล้ว คาดว่าจะสามารถรับรู้กำไรส่วนแบ่งของโครงการไม่ต่ำกว่า 30% ของรายได้ค่าไฟฟ้า หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 60-70 ล้านบาทต่อปี สำหรับเฟสที่ 2 3 และ 4 อยู่ระหว่างการปรับแผนงานเพื่อหาทางเร่งการก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างเฟส 2 ในช่วงต้นปี 63

นายศุภศิษฎ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร META ผู้นำทางด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กล่าวว่า ในนามของผู้รับเหมาและผู้พัฒนาหลัก โครงการโรงไฟฟ้ามินบูนั้น รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่โครงการมินบูได้ COD อย่างเป็นทางการ ทำให้บริษัททยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟตามสัดส่วนการถือหุ้น 12% โดยโครงการโรงไฟฟ้ามินบูสามารถสร้างรายได้เป็นมูลค่าประมาณ 84.4 ล้านบาท ในไตรมาส 4/62 และคิดเป็นมูลค่าประมาณ 418.8 ล้านบาทสำหรับ ปี 2563

นอกจากนี้ยังได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจด้านงานก่อสร้างที่เป็นรายได้หลักของบริษัทให้เติบโตยิ่งขึ้น ทั้งในเมียนมาเองและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างประเทศฟิลิบปินส์และญี่ปุ่น เป็นต้น สุดท้ายนี้สิ่งที่ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งนั่นคือปัจจุบันโรงงานไฟฟ้ามินบูได้ผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพได้ดีกว่าที่คำนวณไว้ หากแสงแดดและประสิทธิภาพของโรงงานดีไปเรื่อยๆ จะทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้มากขึ้นกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ แต่ไม่เกิน 105% ของที่ผลิตได้ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Electric Power Generation Enterprise (“EPGE”)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

www.mitihoon.com