SCN บุ๊กโซลาร์มินบูดันQ4 รวย เร่งเครื่องรูฟท็อป110 MW (20/11/62)

306

มิติหุ้น-SCN ชี้ผลงานไตรมาส 4/62 กระฉูด เหตุธุรกิจหลักโตฉลุย แถมบุ๊กส่วนแบ่งกำไร-รายได้โรงไฟฟ้ามินบูเฟสแรก 50 MW และรับรู้รายได้บำรุงรักษารถ NGV 489 คัน ลุยรูฟท็อป 110 MW มั่นใจทั้งปีรายได้เข้าเป้า 10% ส่วนปี63 พุ่งไม่หยุด

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สแกน อินเตอร์ หรือ SCN ผู้ดำเนินธุรกิจด้านก๊าซธรรมชาติ NGV และธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ รวมถึง “ธุรกิจพลังงานทางเลือก” โดย ดร.ฤทธี กิจพิพิธ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/62 จะเติบโตโดดเด่น เพราะธุรกิจหลักเติบโตได้ดี

บุ๊กโรงไฟฟ้ามินบู50MW

พร้อมกันนี้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ประเทศเมียนมา ขนาด 220 MW ที่ SCN เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 30% นั้น ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) Phase 1 ขนาด 50 MW อย่างเป็นทางการ ทำให้ SCN รับรู้ส่วนแบ่งกำไรและรายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้น 30% และอยู่ระหว่างซื้อหุ้นเพิ่มอีก 10% รวมเป็น 40% ด้วย

“แม้โรงไฟฟ้ามินบูจะลงนามซื้อขายไฟฟ้าอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พ.ย.62  แต่ก็ได้เริ่ม CODไปแล้วเมื่อวันที่ 27 ก.ย.62 ที่ผ่านมา ดังนั้นทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรและรายได้จ่ายไฟฟ้าย้อนหลังเข้ามาอีกด้วย ส่วนธุรกิจหลักยังเติบโตได้ดี จึงมั่นใจว่าผลงานไตรมาส 4/62 จะเติบโตโดดเด่นแน่นอน” ดร.ฤทธี กล่าว

ทั้งนี้ช่วงไตรมาส 4/62 บริษัทยังมีรายได้งานซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารปรับอากาศ NGV 489 คัน ที่ส่งมอบให้ ขสมก เสร็จสิ้นแล้ว แต่มีสัญญาบำรุงรักษา 9 ปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างสถานีและงานทดสอบรถขนก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจในอนาคตที่เตรียมลุยก๊าซ LNG อีกด้วย

ลุยโซลาร์รูฟท็อป110MW

ด้าน “ธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป” ที่ลงทุนผ่าน  “บ.สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ หรือ SAP” คาดว่าปลายปี 62 จะมีสัญญา Private PPA รวมกว่า 10 MW และ ยังตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20 MW รวมเป็น 30 MW ภายในสิ้นปี 63 พร้อมตั้งเป้าถึงปี 65 จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในสัญญา Private PPA รวมทั้งสิ้นกว่า 110 MW คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นผู้ประกอบการที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในช่วงกลางวันอาทิ ภาคธุรกิจโรงแรม, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงพยาบาล และโรงเรียน เป็นต้น.

ปักธงปี 63โตฉลุย  

ดังนั้นทั้งปี 62 มั่นใจรายได้รวมจะเติบโตตามเป้าที่ 10% จากปีก่อน ส่วนปี 63 จะเติบโตต่อเนื่อง จากการใช้กลยุทธ์พัฒนาธุรกิจ ซึ่งแบ่งโครงสร้างธุรกิจอย่างชัดเจนในรูปแบบ 3+1 นั่นคือ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจยานยนต์, ธุรกิจพลังงานทดแทน และ ธุรกิจโลจิสติกส์ ในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่ถึงแม้จะเจออุปสรรคจากสถานการณ์ก๊าซธรรมชาติที่มีการปรับตัว แต่บริษัทยังคงมีฐานลูกค้าที่มั่นคงจากธุรกิจ iCNG และการปรับตัวสู่ธุรกิจ iLNG ในอนาคต

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา “ธุรกิจยานยนต์” ได้มีการเปิดตัวบริษัทลูกอย่าง “บ.แพนเทอรา มอเตอร์ส” เพื่อรองรับธุรกิจยานยนต์แบบครบวงจร ล่าสุดได้เปิดตัวรถโดยสารขนาดเล็กหรือรถมินิบัส ยี่ห้อ Bonluck โดยตั้งเป้าในปี 63 จะมียอดขายจำนวน 140 คัน และคาดจะมีรายได้ 220 ล้านบาท ซึ่งคาดธุรกิจนี้จะมีสัดส่วนในรายได้รวมประมาณ 10% ส่วนกลุ่มลูกค้า ได้แก่ ลูกค้าองค์กรที่มีความต้องการใช้รถประเภทมินิบัสเพื่อรับส่งพนักงานภายในองค์กร และกลุ่มลูกค้าองค์กรประเภทบริษัทขนส่งประจำทาง และไม่ประจำทาง

www.mitihoon.com