มิติหุ้น-เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชันแนล เปิดตัวโครงการ Advanced Electronic Data Interface (Advanced EDI) ที่แรกของประเทศไทย เพื่อมุ่งยกระดับการให้บริการแก่ผู้ป่วยให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการเรียกร้องสินไหมทดแทน ให้ผู้ป่วยได้รับความพึงพอใจสูงสุด พร้อมยกให้โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชันแนล เป็นโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญการส่องกล้องทางเดินอาหาร ในโครงการ AIA Specialized Medical Center ตอกย้ำคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดี ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ผ่านกระบวนการรักษาพยาบาลที่ดีจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ
นายแพทย์สมสกุล ศรีพิสุทธิ์ แพทย์ผู้อำนวยการ ฝ่ายประกันสุขภาพ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ นำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาระบบการพิจารณาสินไหมเพื่อให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ด้วยระบบตรวจสอบข้อมูลและวิเคราะห์ความจำเป็นทางการแพทย์ผ่านระบบอัตโนมัติ Advanced Electronic Data Interface (Advanced EDI) ซึ่งสามารถลดระยะเวลารอคอยในการพิจารณาสินไหมลงถึง 60% และสามารถประเมินตรวจสอบความคุ้มครองผู้ป่วยที่จำเป็นจะต้องส่องกล้องทางเดินอาหารได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น โดยเอไอเอ ได้เริ่มเปิดตัวโครงการ AIA Specialized Medical Center และเลือกให้โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นโรงพยาบาลเชี่ยวชาญการส่องกล้องทางเดินอาหาร พร้อมกับเริ่มใช้ระบบ Advanced EDI เป็นที่แรกในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อมุ่งให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการรักษาในราคาที่เหมาะสม”
นายแพทย์ พณะ จันทรกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลในเครือบางปะกอก เผยว่า “โรงพยาบาลในเครือบางปะกอกมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมในส่วนงานประกันสุขภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อบริการผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน เพราะคุณภาพและความพึงพอใจของผู้รับบริการคือโจทย์ที่เราให้ความใส่ใจเป็นอันดับแรกของการพัฒนาทุกภาคส่วน ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา โรงพยาบาลในเครือบางปะกอกได้ร่วมมือกับเอไอเอ ประเทศไทย ในการส่งต่อข้อมูลการเรียกร้องสินไหมประกันสุขภาพผ่านระบบ Advanced Electronic Data Interface (Advanced EDI) ส่งผลให้การบริการเรียกร้องสินไหมดีขึ้นอย่างชัดเจน มาถึงวันนี้ความร่วมมือได้ก้าวไปอีกขั้นโดยเพิ่มการตรวจสอบข้อมูลและวิเคราะห์ความจำเป็นทางการแพทย์อัตโนมัติเป็นโรงพยาบาลแรกในประเทศไทย ภายใต้โครงสร้างข้อมูลมาตรฐาน Medcin และตรรกะการวิเคราะห์ความจำเป็นทางการแพทย์มาตรฐานซึ่งสอดคล้องกับเอไอเอ จึงทำให้ผู้ป่วยมั่นใจได้ว่าการรักษานี้อยู่ในความคุ้มครองตามกรมธรรม์ของเอไอเอ”
