มิติหุ้น- ORI แรงได้ใจ โบรกเกาะติดผลงานไตรมาส 4/62 ร้อนเป็นไฟ หลังจ่อโอนของในสต็อกสูงระดับ 10,000 ล้านบาท เจาะราคาเป้าหมาย 10.00 บาท ฟากผู้บริหารมือทอง “พีระพงศ์ จรูญเอก” ประกาศปีหน้าบุกหนักปั้นยอดชาย 30,000 ล้านบาท พร้อมอาแขนรับมาตรการ 0.01%
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ORI ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท บริษัทรายงานยอด Presales ในไตรมาส 3/62 ทำได้ 10,200 ล้านบาท (+40% จากไตรมาสก่อนหน้า) โดยหนุนจากการเปิดตัวโครงการในแบรนด์ “The Origin” 3 โครงการ และ “Park Origin” 1 โครงการ โดยโครงการทั้งหมดมี Take Up Rate เฉลี่ยที่สูงกว่า 80% ซึ่งถือว่าสูงสุดในอุตสาหกรรม (ณ ปัจจุบัน อุตสาหกรรมมี Take Up Rate เฉลี่ย 20-25%)
โชว์ยอดขาย 9 เดือน
ทั้งนี้ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทมียอด Presales จำนวน 24,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 86% ของเป้าหมายปี 2562 ที่ 28,000 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่า ณ สิ้นปี 2562 บริษัทจะมียอด Presales อยู่ในระดับ 31,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายราว 10% หนุนจากการเปิด 8 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่มีการเปิดตัวสูงสุด โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ และแนวราบ 5 โครงการ
ดังนั้นคาดว่าไตรมาส 4/62 จะเป็นไตรมาสที่โดดเด่นสุดของปีจาก Backlog ที่จะรับรู้เป็นรายได้กว่า 5,500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วย Secure รายได้ที่ 90% ของที่ประมาณการไว้ในปี 2562 โดยมาจากการโอนโครงการทั้ง Khights Bridge Prime สาธร ซึ่งคาดว่าจะโอนได้ในไตรมาส 4/62 ราว 2,500 ล้านบาท และการโอนโครงการต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ควบคู่ไปกับการระบายสต็อกโครงการที่ได้รับอานิงค์จากทั้งมาตการลดหย่อนค่าธรรมเนียมและแคมเปญกู้ดอกเบี้ยถูกจากธอส. ซึ่งจากแผนการโอนโครงการทั้งหมด เราคาดว่ารายได้ของบริษัทในปี 2562 จะอยู่ในระดับ 16,000-17,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นในระดับที่เราประมาณการไว้
บิ๊กส่องปีหน้าสดใสกว่า
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เป้าหมายการเติบโตของยอดขายปีหน้าวางไว้ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดขายโครงการใหม่มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 29,000 ล้านบาท และจะเพิ่มสัดส่วนการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มเป็น 40% ของพอร์ต จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ขณะเดียวกันบริษัทยังได้มีการพัฒนารูปแบบโครงการและฟังชั่นให้เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัยและผู้บริโภคในพื้นที่นั้นๆ
โดยในปี 2563 บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม, บ้านจัดสรร รวมถึงใช้ในการซื้อที่ดิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทมองว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 จะกลับมาฟื้น จากที่ปี 2562 ที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวมากถึง 15% จากปัจจัยบวกเรื่องมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายในการโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และล่าสุดที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1.25% ต่อปี ขณะเดียวกันบริษัทได้ตั้งงบลงทุนพัฒนาโครงการโรงแรมที่สร้างรายได้ประจำในปี 2563 บริษัทตั้งไว้ที่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาทต่อปี
www.mitihoon.com