EPG พื้นฐานสุดแข็งแกร่ง ควักกระเป๋าปันผล0.10บ. (25/11/62)

243

มิติหุ้น-EPG เผยแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง (ต.ค.62 – มี.ค.63) เติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุนด้านการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมแกร่งเพิ่มกำลังการผลิต โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 62/63 กำไรสุทธิ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% เตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท 12 ธ.ค.นี้

ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ยังคงยืดเยื้อ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบในวงกว้าง

รวมถึงอาจเกิดความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ โดยข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่าเศรษฐกิจไทยช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ขยายตัว 2.5% คาดว่าทั้งปีจะเติบโตได้ 2.6% จากเดิมคาดการณ์เติบโตไว้ที่ 2.7% – 3.2% EPG ทำธุรกิจในตลาดโลกจึงต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์เพื่อที่จะสามารถเติบโตได้อย่างเนื่องแม้อยู่ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ปัจจุบัน EPG มีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น AEROKLAS  48% AEROFLEX 29% และ EPP 23% สำหรับแนวโน้มธุรกิจและทิศทางการเติบโตในช่วงต่อจากนี้ (ต.ค.62 – มี.ค.63) ยังคงดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ โดยคาดว่ารายได้จากขายในปี 62/63 เติบโตที่ 5% – 6% เนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจโลก แต่คาดว่าจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 28% – 30%

เนื่องจากยังคงได้รับผลบวกจากราคาวัตถุดิบกลุ่มปิโตรเคมีที่ปรับลดลง และการผลิตที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การเติบโตของ EPG มาจากการสนับสนุนของ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX มุ่งเน้นทำการตลาดในกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เป็นต้น ในด้านการผลิต บริษัทจะทยอยลงทุนขยายโรงงานใหม่ในสหรัฐอเมริกาเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างปีหน้า โดยเน้นใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูง

เดินหน้าลงทุน

ขณะที่การลงทุนในประเทศของ AEROFLEX 5 อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 6,000 ตัน/ปี ซึ่งจะช่วยให้มีโอกาสขยายตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น เช่น ในกลุ่มประเทศ CLMV และตะวันออกกลาง ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS มุ่งเน้นทำตลาดผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทพื้นปูกระบะ (Bed Liner)/ หลังคาครอบกระบะ (Canopy) และ บันไดข้างรถกระบะ (Sidestep) ที่มีความต้องการใช้จากกลุ่มลูกค้าต่อเนื่อง สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ฝาปิดกระบะ (Roller lid) ออกสู่ตลาดแล้ว และ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ จะทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศเห็นว่าการบริโภคในประเทศชะลอตัวลงโดยเฉพาะรถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าคงทน ช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย.62 ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยตัวเลขยอดขายรถกระบะในประเทศลดลง 9.6% และยอดส่งออกลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน AEROKLAS เตรียมความพร้อม ปรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตทดแทน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ในทวีปแอฟริกา ซึ่งผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของโลกหลายรายเข้าไปตั้งฐานการผลิตในประเทศแอฟริกาใต้

www.mitihoon.com