ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สหไทย เทอร์มินอล หรือ PORT ทำธุรกิจให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง โดย “นางเสาวคุณ ครุจิตร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า การที่ได้ทยอยซื้อหุ้น PORT เข้าพอร์ตเพิ่มเติมนั้น ล่าสุดซื้อเพิ่มเป็น 5,750,280 หุ้น เพราะเชื่อมั่นในธุรกิจที่จะเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะย้ายเข้า SET ในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย และลดข้อจำกัดการเข้าลงทุนของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ส่วนในปี 63 มั่นใจผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะบริษัทมีโปรเจ๊กต์ใหม่ๆที่จะออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป
ลุยขยายการลงทุน
โดยเบื้องต้นบริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจท่าเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจร ด้วยการลงทุนสร้างท่าเรือพาณิชย์แห่งที่ 3 ผ่าน “บ.บางกอกริเวอร์ เทอร์มินอล หรือ BRT” คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 64 ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการให้บริการท่าเรือได้อีกประมาณ 180,000 TEUs/ปี รวมกับความสามารถในการให้บริการเดิมของบริษัทและบริษัทย่อย เป็น 920,000 TEUs/ปี หรือเพิ่มขึ้น 24%
พร้อมกันนี้ได้ขยายศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเป็นผู้นำการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยลงทุนใน “บ.บางกอกโลจิสติกส์ พาร์ค หรือ BLP” เพื่อพัฒนาและบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์ค หรือศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ในเขตขอบเมืองกรุงเทพฯ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
บริการครบวงจร
ทั้งนี้ PORT เป็นผู้ให้บริการท่าเรือเอกชนครบวงจรรายใหญ่ของไทยโดยให้บริการตั้งแต่ 1.ธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจรสำหรับเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Feeder) และเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง(Barge) รวมถึงการให้บริการบรรจุสินค้าเข้าและถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์(CFS) และซ่อมแซมทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์(Container Depot) 2.ธุรกิจการให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ภายในบริเวณจ.กรุงเทพฯและปริมณฑลบริเวณเขตพื้นที่แหลมฉบัง, 3.ธุรกิจการให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้าโดยให้บริการพื้นที่ลานพักตู้คอนเทนเนอร์ และคลังจัดเก็บสินค้ากับลูกค้าทั้งที่เป็นเขตให้บริการปกติและ Free Zone และ 4.ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ
หุ้นต่ำบุ๊กแวลู่2.50บ.
ด้าน “นักวิเคราะห์หลักทรัพย์” เผยว่า แนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก”เข้าลงทุนในหุ้น PORT จากความคืบหน้า การร่วมทุนสร้างท่าเรือขนาดใหญ่กับ Bangkok River Terminal คาดจะผ่าน EIA ภายในไตรมาส 1/63 ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้เป็นเท่าตัวในอนาคต ส่วนกรณีการขายคลังสินค้าบริเวณปู่เจ้าสมิงพราย มูลค่า 110 ล้านบาท คาดว่าได้รับเงินในเดือน พ.ย.นี้ คาดคว้ากำไร 35 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/62 ปัจจุบัน P/E ต่ำ 9 เท่า แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมายที่บุ๊กแวลู่ที่ 2.50 บาท
www.mitihoon.com