SFLEX ระดมทุนใน SET 110 ล้านหุ้น รับดีมานด์โตในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน

130

 

มิติหุ้น-บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ หรือ SFLEX หนึ่งในผู้นำบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ขยายการเติบโตระดมทุนใน SET เสนอขายไอพีโอ 110 ล้านหุ้น ใช้ลงทุนในโครงการผลิตฟิล์มประเภทที่ใช้ในการปิดผนึกขึ้นรูป สร้างคลังสินค้า ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชูสินค้าได้มาตรฐาน นำนวัตกรรมมาช่วยเสริมความต้องการของลูกค้า หนุนดีมานด์บรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนเพิ่มขึ้น ขณะที่ มีพันธมิตรแน่นแฟ้นเป็นลูกค้ารายใหญ่ชั้นนำระดับประเทศ มั่นใจ ธุรกิจอนาคตสดใส เดินหน้าโรดโชว์ 3 จังหวัดใหญ่ ที่เชียงใหม่ หาดใหญ่ กรุงเทพฯ ก่อนเทรดปีนี้
นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง (Pre Form Pouch) รูปแบบต่างๆ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 110 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 26.83% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ สัดส่วนการเสนอขายหุ้น ได้แก่ เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 99 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 11 ล้านหุ้น

วัตถุประสงค์การใช้เงิน ลงทุนในโครงการผลิตฟิล์มประเภทที่ใช้ในการปิดผนึกขึ้นรูป (Sealant) เพื่อซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยว ข้องกับการผลิตฟิล์มประเภทที่ใช้ในการปิดผนึกขึ้นรูป (Sealant) ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน รวมถึงการจัดเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก (Facility) ต่างๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ระบบเครน นอกจากนี้ ใช้ลงทุนสร้างคลังสินค้า ทดแทนการเช่าคลังสินค้าในปัจจุบัน ใช้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ

โรงงานของบริษัทฯ มีกำลังการผลิตสูงสุดจำนวน 184.44 ล้านเมตรต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยได้เช่าพื้นที่อาคารโรงงานและสำนักงาน (โรงงาน 2) และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ที่โรงงาน 2 แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยมีกำลังการผลิตเต็มที่ 37.39 ล้านเมตรต่อปี ทั้งนี้ ในปี 2561 และงวด 9 เดือนแรกปี 2562 บริษัทฯ มีการใช้อัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ 74.48% และ 67.84% ตามลำดับ คาดว่า การลงทุนเครื่องจักรใหม่จะเต็มประสิทธิภาพในช่วงไตรมาส 3/2564

ทั้งนี้ บริษัทฯ จำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคและสินค้าบริโภคทั้งที่อยู่ในรูปของเหลวและของแห้ง โดยเป็นการจำหน่ายในประเทศทั้งหมด ลูกค้าหลักของบริษัทฯ ได้แก่ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เช่น บริษัท นีโอแฟคทอรี่ จำกัด, บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด, บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด, บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไอ.พี. แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นต้น ทั้งนี้ รายได้จากการขายหลักของบริษัทฯ มาจากบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคคิดเป็นสัดส่วน 80-85% และบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบริโภคคิดเป็นสัดส่วน 15-20%

“ในปี 2561 บริษัทฯ มีลูกค้ารายใหญ่ 4 ราย สัดส่วนราว 86.73% ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2562 สัดส่วนลูกค้ารายใหญ่ 4 ราย ลดลงอยู่ที่ 83.91% จากความสำเร็จในการขยายไปยังตลาดใหม่ๆ ฐานลูกค้ารายใหม่มากขึ้น สำหรับคู่แข่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทจากต่างประเทศซึ่งมีขนาดใหญ่ โดย SFLEX มียอดขายเป็นลำดับที่ 7 แต่เป็น 1 ใน 3 ของบริษัทในประเทศไทย ที่วันนี้พร้อมขยายการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะขยายไปยังตลาดบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบริโภค ที่เป็นตลาดที่ใหญ่มาก จากปัจจุบัน เราแข็งแกร่งในตลาดบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคอยู่แล้ว โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมมาใช้ในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า พร้อมปรับตัวในการผลิตให้ทันกับกระแสรักษ์โลก” นายปรินทร์ธรณ์ กล่าว

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยถึง เตรียมเดินสายโรดโชว์ สรุปการเสนอขายหุ้นไอพีโอที่จังหวัดเชียงใหม่ หาดใหญ่ กรุงเทพฯ ก่อนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนธันวาคมนี้ มั่นใจ ด้วยธุรกิจแข็งแกร่ง ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตร จะสนับสนุนการเติบโตให้ SFLEX อย่างต่อเนื่องในระยะยาว และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้

จุดแข็งผู้บริหารมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์มานานกว่า 32 ปี เล็งเห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ ผู้ประกอบการต่างมีนโยบายที่มุ่งเน้นการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งรวมถึงต้นทุนบรรจุภัณฑ์ จึงมีแนวโน้มหันไปใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) เนื่องจากมีต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำในขณะที่มีคุณสมบัติเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าที่บรรจุอยู่ภายในบรรจุภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ทำให้บรรจุภัณฑ์ของ SFLEX เป็นที่นิยมต่อลูกค้า และ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นนำระดับประเทศ

บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำทางด้านบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ในประเทศไทย และประเทศในกลุ่ม CLMV โดยมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นผู้นำตลาดในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดที่หันมาใช้วัตถุดิบรีไซเคิล และ/หรือการใช้วัตถุดิบที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเพื่อให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมถึงพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง การลดการสูญเสียระหว่างการผลิต เพื่อให้การบริหารต้นทุนการผลิตเกิดประสิทธิผลสูงสุด

นอกจากนี้ SFLEX มุ่งเน้นขยายธุรกิจไปยังบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหาร (Food) มากขึ้น โดยจะพัฒนากระบวนการผลิตและเทคโนโลยีการผลิตสำหรับบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหาร จากปัจจุบันแข็งแกร่งในด้านบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนในสินค้าอุปโภคและขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มทีมงานขายเพื่อศึกษาและวิเคราะห์ตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มประเทศดังกล่าว

ทั้งนี้ ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2562 มีรายได้รวม 943.22 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46.42 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 17.45% อัตรากำไรสุทธิ 4.92% สัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) 80.85% ผลิตภัณฑ์ประเภทซอง (Pre Form Pouch) 18.11% ของรายได้รวม

“สินค้าของ SFLEX เราเป็นแพคเกจจิ้งในสินค้าอุปโภคและบริโภค ให้แก่ผู้ผลิตชั้นนำระดับประเทศ สินค้ากลุ่มนี้ยังจำเป็น ทำให้ผู้บริโภคสะดวกมากขึ้น และมีพัฒนาการใหม่ๆ นำนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ ด้วยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ เพื่อตอบรับกระแสรักษ์โลกในอนาคต สามารถย่อยสลายได้ และมองว่าบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนยังคงเติบโตในตลาดโลก จากต้นทุนที่ต่ำ และประสิทธิภาพสูง เทรนด์ยังมีแนวโน้มที่ดี เราจึงมั่นใจ ไม่กังวลกับการรณรงค์เลิกใช้ถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ เพราะนั่นไม่ใช่ตลาดของเรา ฐานลูกค้าของ SFLEX คือผู้ประกอบการชั้นนำ ซึ่งเจาะตลาดกลางถึงบน” นายสมภพ กล่าวทิ้งท้าย