ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC ว่า หลังจาก BJC ใช้เวลา 6 ไตรมาสในการเปลี่ยนผ่านการผลิตกระป๋องสำหรับลูกค้าใหม่แทนคาราบาว อัตรากำไรขั้นต้นจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส4/62 และเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า เนื่องจากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจนถึระดับที่ได้ Economies of scale โดยลูกค้าคือกาแฟและน้ำอัดลมกระป๋องเล็ก คาดผลิตเพิ่มจาก 300 ล้านกระป๋องในปีนี้ เป็ น 620 ล้านกระป๋องในปีหน้า
อีกทั้งมีลูกค้าเป็นผู้ผลิตน้ำผลไม้ส่งออก และอาจมีลูกค้าเป็นเครื่องดื่มชูกำลังอัดก๊าซ ขณะที่ในเวียดนาม ปีนี้ผลิตให้ผู้ผลิตเบียร์ 300 ล้านกระป๋อง คาดจะเพิ่มเป็น 700 ล้านกระป๋องในปีหน้า นอกจากนั้น กระแสการเลิกใช้พลาสติกคาดจะส่งผลให้มีการใช้บรรจุภัณฑ์กระป๋องและขวดแก้วมากขึ้น
ธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสเติบโตใน CLMV
ส่วนธุรกิจค้าปลีก SSSG ของบิ๊กซี QTD ยังติดลบประมาณ 4-5% แต่คาดผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาส4/62 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลในปลายปีที่มีกิจกรรมการตลาดมากขึ้น และแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ปรับเปลี่ยนสินค้ามาเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนลูกค้า B2B ในกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร ส่วนผลกระทบจาก TFRS16 ในปีหน้า บริษัทอยู่ระหว่างประเมิน แต่คาดกระทบไม่มากนัก
ด้านธุรกิจค้าปลีกใน CLMV ยังมีสัดส่วนน้อยหลังจากเปิดบิ๊กซีสาขาแรกที่กัมพูชาเมื่อเดือน ต.ค. อย่างไรก็ดี ในระยะยาวธุรกิจค้าปลีกของ BJC มีโอกาสเติบโตสูงหากเข้าซื้อกิจการค้าปลีกในลาวและเวียดนามจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากจะมีการขยายสาขาในลาวและเวียดนามจำนวนมาก รวมทั้ง BJC อาจเข้าซื้อ Mega Market เวียดนามในอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี ข้างหน้าซึ่งมีผลประกอบการฟื้นตัวเป็นกำไรมาแล้ว 3 ปี ดังนั้นจึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 64 บาท
www.mitihoon.com