มิติหุ้น-STC พร้อมเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai 29 พฤศจิกายนนี้ เชื่อมั่นธุรกิจแกร่ง พร้อมสยายปีกโตรับโอกาส EEC มั่นใจนักลงทุนจะให้การตอบรับหนุนราคายืนเหนือจอง สอดรับผลงานปี 62 คาดนิวไฮได้ตามเป้า จากแนวโน้ม Q4 เป็นไฮซีซั่นธุรกิจ ออเดอร์ส่งมอบงานมาตามนัด ส่วนงบไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนฟอร์มสวยแบบไม่ต้องลุ้น ประกอบกับกำหนดราคาไอพีโอไว้ที่ 1 บาท/หุ้น เป็นระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และโอกาสโตในระยะยาว
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) (STC) เปิดเผยว่า STC เป็นน้องใหม่ไอพีโอที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน นอกจากจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแล้ว การดำเนินธุรกิจในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูง ในฐานะผู้นำธุรกิจคอนกรีตในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่มีสินค้าและบริการครบวงจรที่สุด ได้อานิงส์อย่างชัดเจนจากการลงทุนในเขตพัฒนาระเบียงพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
รวมทั้งการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เป็นระดับที่เหมาะสม โดยราคาไอพีโออยู่ที่ 1 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ย้อนหลังของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน แม้จะเป็นหุ้นขนาดเล็กแต่มีความโดดเด่นด้านศักยภาพการเติบโต จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยฉพาะในพื้นที่เมืองจังหวัดชลบุรี และใน EEC โดย STC มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่งานฐานรากไปจนถึงงานอาคาร พร้อมทั้งบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการปรับปรุงสูตรผสมคอนกรีตให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการกำลังการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงมั่นใจว่า STC จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ในวันซื้อขายวันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ และเชื่อว่า จะเป็นหุ้นที่อยู่ในใจนักลงทุนอีกตัวหนึ่งในระยะยาว
ภายหลังการระดมทุนครั้งนี้ ยิ่งทำให้ STC แข็งแกร่ง เงินที่ได้จากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้เงินประมาณ 141.30 ล้านบาท นำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าหุ้น STC ที่มีกำหนดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นี้ จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และในพื้นที่ภาคตะวันออก หรือ EEC สนับสนุนให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของ STC เพิ่มขึ้น
อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมา STC ขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปประเภทท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก บ่อพักน้ำ ท่อระบายน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนในการผลิต มีคู่แข่งในพื้นที่น้อยรายที่สามารถผลิตได้ ควบคู่ความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงขึ้น จึงมั่นใจ นักลงทุนจะเชื่อมั่น และมองเห็นโอกาสการเติบโต
สำหรับแนวโน้มธุรกิจปีนี้ คาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากแผนการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานนาวังเฟส 2 ซึ่งดำเนินการผลิตแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ทำให้ปีนี้ บริษัทฯ สามารถรับงานได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สอดรับโครงการ EEC ที่มีการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่า นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เพราะโครงการจาก EEC จะสนับสนุนให้ภาคตะวันออกมีการขยายการลงทุนไปอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี จึงเป็นโอกาสของ STC เช่นกัน
ล่าสุด ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2562 รายได้รวมอยู่ที่ 303.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 273.09 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 96.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.27% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 71.02 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5.58 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9 เดือน ปี 2562 สูงขึ้นอยู่ที่ 31.78% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.91%
จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของภาครัฐ สนับสนุนให้รายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปประเภทท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก และบ่อพักน้ำเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน STC มีโรงงานผลิต 4 แห่ง คือ พัทยา 1 – พัทยา 2 – หนองปรือ – และนาวัง ครอบคลุมพื้นที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีกำลังการผลิตต่อปีรวมสำหรับผลิตภัณฑ์คอนกรีตประมาณ 236,250 คิวคอนกรีต
“ปกติช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่ดีของธุรกิจ เนื่องจากมีการส่งมอบงานอย่างต่อเนื่อง จากช่วงครึ่งปีแรกติดวันหยุดยาว และเป็นช่วงหน้าฝน ทำให้ผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ที่ออกมา มาตามนัด แค่ไตรมาสเดียวสามารถเติบโตกว่าครึ่งปีแรกทั้งปี และงวด 9 เดือนปีนี้ เติบโตกว่าทั้งปี 2561 เรียบร้อยแล้ว สะท้อนแผนการขยายกำลังการผลิต ขยายผลิตภัณฑ์ และการรับงานเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 4 จะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งปกติเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอยู่แล้ว สนับสนุนผลงานปี 2562 ให้โดดเด่นกว่าแผนงานที่วางไว้” นายเอกชัย กล่าว
นายเอกชัย กล่าวย้ำว่า ในช่วงปี 2560-2564 รัฐบาลมีแผนการผลักดันโครงการ EEC ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้ Thailand 4.0 และเป็นโครงการต่อยอดมาจากนโยบายโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Sea Board Development) ก่อให้เกิดการลงทุนบนพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่สูงจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นเพื่อรองรับ EEC ได้แก่ โครงการถนนรองรับ EEC เช่น โครงการปรับปรุงทางหลวงและโครงข่ายถนนสายรองในพื้นที่รอบๆ อู่ตะเภา มาบตาพุด และถนนเลียบชายฝั่งทะเลระยอง-ชลบุรี โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ รวมไปถึง โครงการพัฒนาเมืองใหม่และการท่องเที่ยว 4 แห่ง ได้แก่ ฉะเฉิงเทรา พัทยา อู่ตะเภา และระยอง เพื่อจะเป็นมหานครแห่งใหม่ นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีนโยบายการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ : BOI) ซึ่งจะทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบัน STC มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตให้กับผู้รับเหมาที่ได้รับงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวบางส่วนแล้ว และอีกหลายโครงการ เป็นโครงการเป้าหมายของบริษัทฯ
รวมไปถึง แผนแม่บทการลงทุนเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่ง STC ได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต ได้แก่ ท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักน้ำ ให้กับผู้รับเหมาที่ได้รับงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวบางส่วนแล้ว ทั้งหมดนี้เชื่อว่า จะเสริมความเชื่อมั่นในการเข้าซื้อขายวันแรกของ STC ให้ประสบความสำเร็จ