มิติหุ้น-BC ย้ำความเชื่อมั่นผลประกอบการแข็งแกร่ง หลังเข้าเทรดเพียง 1 เดือน บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.11 บาทต่อหุ้น โดยมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่ประมาณ ร้อยละ 6.8 (คำนวณจากราคาหุ้น ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2562) กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 15 มกราคม 2563 โดยเงินปันผลระหว่างกาลจ่ายจากกำไรสะสมของงบเดี่ยว ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและสภาพคล่องที่ดีของบริษัทฯ จากการขาย 2 โครงการ พร้อมอนุมัติการพัฒนาโครงการโรงแรม จำนวน 2 โครงการ ลุยพัฒนาในโครงการชายหาดละไม เกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี และโครงการบนถนนสุขุมวิท บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า นานา ซึ่งเป็นทำเลแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพื่อขยายการเติบโตในธุรกิจ BOS ส่วนปี 2563 ตั้งเป้าขายโครงการอีกไม่ต่ำกว่า 4 โครงการ
นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจสร้าง – ดำเนินงาน – ขาย (Build-Operate-Sell : BOS) อสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ Commercial Mixed Use ได้แก่ ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงานให้เช่า รวมทั้งธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล โดยจ่ายจากกำไรสะสมของงบการเงินบริษัท สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.11 บาทต่อหุ้น จำนวน 507,000,000 หุ้น รวมเป็นเงินจำนวน 55,770,000 บาท
ทั้งนี้กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 27 ธันวาคม 2562 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record date) ในวันที่ 30 ธันวาคม 2562 กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 15 มกราคม 2563 สำหรับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกที่ BC จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น หลังจากได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้เพียง 1 เดือน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในงบการเงินของบริษัทฯ พร้อมทั้งแสดงถึงความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจ BOS และสภาพคล่องของบริษัทฯ จากการขาย 2 โครงการในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สามารถจ่ายปันผลได้
“ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อที่ดินและการพัฒนาโครงการโรงแรมใหม่ จำนวน 2 โครงการ และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 0.11 บาทต่อหุ้น จากกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรที่ 73 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่ประมาณร้อยละ 6.8 สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เกิดจากผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัท” นายปรับชะรันซิงห์ กล่าว
โครงการซื้อที่ดินและการพัฒนาโรงแรมใหม่จำนวน 2 โครงการ ในทำเลที่โดดเด่นในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ โครงการชายหาดละไม เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะเข้าลงนามในสัญญาจะซื้อที่ดินภายในเดือนธันวาคม 2562 นี้ ซึ่งเป็นที่ดินขนาดพื้นที่ 372 ตารางวา และคาดว่าจะเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 129 ห้อง มีต้นทุนโครงการรวมประมาณ 560 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 3/2563 และเริ่มเปิดให้บริการภายในไตรมาส 2/2565
รวมทั้งโครงการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการโรงแรม บนถนนสุขุมวิท บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า นานา คาดว่าจะเข้าลงนามในสัญญาจะซื้อที่ดินภายในเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งเป็นที่ดินขนาดพื้นที่ 363 ตารางวา และคาดว่าจะเป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาว จำนวน 202 ห้อง ต้นทุนโครงการรวมประมาณ 835 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 3/2563 และเริ่มเปิดให้บริการภายในไตรมาส 1/2565 โดยแหล่งเงินทุนทั้ง 2 โครงการ ซึ่งจะดำเนินการโดยบริษัทในเครือที่จัดตั้งใหม่ (ซึ่งบริษัทอาจมีผู้ร่วมลงทุนในอนาคต) คิดเป็นเงินทุนของบริษัทในเครือราวร้อยละ 30 และเงินกู้จากสถาบันการเงินประมาณร้อยละ 70
สำหรับภาพรวมโครงการของ BC ปัจจุบันมีโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการจำนวน 9 โครงการ มีจำนวนห้องรวม 1,042 ห้อง แบ่งเป็น โครงการที่รอขายในอนาคต (BOS) จำนวน 5 โครงการ และโครงการที่บริษัทฯ มีนโยบายเป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการเอง (Non-BOS) 4 โครงการ นอกจากนี้มีโครงการในอนาคตที่อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาอีก 8 โครงการ จำนวนห้องรวม 969 ห้อง คาดจะทยอยแล้วเสร็จไปจนถึงปี 2564
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจปี 2563 ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่อง วางแผนจะขายโครงการรูปแบบ BOS ไม่ต่ำกว่า 4 โครงการ เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมในการลงทุนและพัฒนาโครงการในมือรอไว้อยู่แล้ว เพื่อสร้างความเสถียรภาพของผลประกอบการให้มั่นคงและแข็งแกร่ง จากปีนี้ BC ขายโครงการออกมาแล้วจำนวน 2 โครงการ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงกว่าปีที่ผ่านๆ มา ทำได้เฉลี่ยปีละ 1 โครงการ