มิติหุ้น – ACE เผยกระบวนการขยายเวลาเซ็น PPA กับ กฟผ. ใน 4 โรงไฟฟ้า SPP Hybrid ยังเป็นไปตามแผน ล่าสุดอยู่ระหว่างรอผลอนุมัติ EIA เชื่อ COD ได้ใกล้เคียงแผน ฟากโบรกฯ คาดกำไรสุทธิปี 62 พุ่งแรง 65.7%ให้เป้าเหมาะสม 4.64 – 5.20 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ หรือ ACE ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำและธุรกิจอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่อง โดยนายธีรวุฒิ ทรงเมตตา กรรมการ เปิดเผยความคืบหน้า การขอขยายเวลาเซ็น PPA กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ใน 4 โรงไฟฟ้า SPP Hybrid หลังกระบวนการ EIA ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอพิจารณาผลการประเมิน และบริษัทได้ส่งเอกสารทั้งหมดไปให้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว โดยมั่นใจว่าจะสามารถ COD ได้ใกล้เคียงกับแผนที่กำหนดไว้เดิม และหากมีความคืบหน้าจะรีบแจ้งให้นักลงทุนทราบในทันที
รอผลอนุมัติ EIA
โดยก่อนหน้านี้ ACE แจ้งว่า บริษัทย่อย ACE Solar และ BPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm (โครงการโรงไฟฟ้า SPP Hybrid) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 93 MW ซึ่งกำหนดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายใน 13 ธ.ค.62 และทั้ง 4 โครงการมีความพร้อมทุกด้านแล้ว ขาดเพียงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่อยู่ในขั้นตอนพิจารณาอนุมัติ จึงทำให้ทั้ง 4 โครงการ ยังไม่ได้ลงนาม แต่บริษัทได้ทำหนังสือขอขยายระยะเวลาลงนามไปแล้วก่อนวันที่ 13 ธ.ค. และปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกกพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับทั้ง 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดนาบอน 1 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 25 เมกะวัตต์ ดำเนินการโดย ACE Solar , โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดระนอง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 23 เมกะวัตต์ ดำเนินการโดย ACE Solar ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดนาบอน 2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 25 เมกะวัตต์ ดำเนินการโดย BPP และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดคลองขลุง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 20 เมกะวัตต์ ดำเนินการโดย BPP
คาดกำไรปี 62 พุ่ง 65.7%
นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี ประเมินธุรกิจ ACE มีโอกาสเติบโตตามแผนการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า ซึ่งประมาณการกำไรสุทธิปี 62 ไว้ที่ 906 ล้านบาท เติบโตสูงถึงราว 65.7% จากปี 61 จากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2.1% และประเมินว่าอัตราทำกำไรจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 18.4% จากปี 61 ราว 11.3% ขณะที่ประเมินการเติบโตของรายได้เฉลี่ย CAGR ปี 2560 – 2565 เติบโตราว 21.6% จากปัจจัยจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเมกะวัตต์ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ประเมินราคาหุ้นเหมาะสมที่ 4.64 – 5.20 บาท
www.mitihoon.com