สรรหาซีอีโอใหม่ ”ทีโอที” ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร หลังผู้บริหารคนในเฟดตัวหนีกันวุ่นแทบจะต้องเอาปืนจี้หัวกันมาสมัคร เหตุขยาดขบวนการหากินในทีโอทียังฝังตัวคุมกลไกจัดซื้อ จัดจ้างและกำหนดนโยบายอยู่เต็มลำเรือ แถมยังเผชิญศึกหนักทั้งกรณีควบรวมกิจการแคท เทเลคอม รวมถึงประเด็นร้อนควานหาคนผิดโครงการเน็ตชายขอบ กสทช.
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า แหล่งข่าวจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอที ที่เปิดรับสมัครตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 62 ที่ผ่านมา และปิดรับสมัครในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ว่า คาดว่าจะมีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาน้อยและอาจจำเป็นต้องขยายเวลาการรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาออกไปอีกระยะ เนื่องจากจากการตรวจสอบภายในทีโอทีพบว่าผู้บริหารทีโอทีต่างไม่มีใครแสดงความสนใจเข้ารับการสรรหา
แม้ในส่วนของการเปิดรับบุคคลภายนอกเข้ารับการสรรหานั้น จะกำหนดคุณสมบัติกว้างๆ ที่ไม่ต่างจากการสรรหาซีอีโอหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่นๆ โดยผู้สมัครต้องมีความรอบรู้ ความสามารถในการตัดสินสั่งการ การแก้ไขปัญหา และนำองค์กรใปในทิศทางและเป้าหมาย ตามนโยบาย มีคุณธรรมและจริยธรรมยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร โดยกรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารองค์กรภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งระดับถัดจากผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
กรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารส่วนราชการ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองอธิบดีหรือเทียบเท่า และกรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรอื่นของรัฐ หรือองค์กรระหว่างประเทศ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งระดับถัดจากผู้บริหารสูงสุดขององค์กร
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่ผู้บริหารทีโอทีพากันขยาดไม่ยอมลงสมัครเข้ารับการสรรหานั้น ก็เพราะเห็นว่า หากได้รับการสรรหาให้ทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที ในเวลานี้ ก็ไม่สามารถจะทำงานอะไรได้มาก เนื่องจากข้อจำกัดในการทำงาน เพราะกลุ่มคนที่มีอิทธิพลอยู่ภายในทีโอทียังคงครอบงำ และวางทีมงานฝังรากลึกทำมาหากินอยู่ภายในองค์กร โดยมีบอร์ดทีโอทีหนุนหลัง จึงทำให้ผู้ที่เข้ามารับหน้าที่ซีอีโอทีโอที แทบจะกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้
เอาแค่ควันหลงจากโครงการเน็ตชายขอบ 3 สัญญาวงเงินกว่า 6,486 ล้านบาท ที่ ทีโอที ชนะการประมูลติดตั้งให้กับ กสทช. ก่อนหน้านี้ก็ยังมีปัญหาคาราคาซังอยู่ เพราะนอกจากจะมีขบวนการแอบยัดไส้เอาไฟเบอร์ ออฟติก ที่เป็นเน็ทเวิร์คเก่ามาส่งมอบจนถูก กสทช. ปฏิเสธการรับมอบแล้ว ผลดำเนินงานยังไม่ผ่าน ไม่สามารถจะส่งมอบได้ตามกำหนด โดยทีโอทีส่งมอบศูนย์ยูโซ่ให้ กสทช. ได้เพียง 9 แห่ง วงเงิน 100-200 ล้าน จาก 371 แห่งเท่านั้น ทำให้ กสทช. ต้องยกเลิกสัญญาและจ่อจะต้องเสียค่าปรับจากการส่งมอบงานล่าช้าจำนวน 800 ล้านบาทแล้ว ยังอาจต้องเสียค่าปรับจากการที่ กสทช.ต้องจัดหาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาดำเนินการติดตั้งแทนในภายหลังอีกหลายพันล้านบาทด้วย
“จนป่านนี้บอร์ดทีโอทีก็ยังจับมือใครดมไม่ได้ว่า เป็นความผิดพลาดของใคร หรือมีใครจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายจากโครงการนี้บ้าง เพราะบอร์ดทีโอทียังไม่มีการตั้งคณะทำงานหรือตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนไล่เบี้ยหาคนรับผิดชอบใดๆ กลับทิ้งปัญหาเอาไว้ให้ซีอีโอใหม่เข้ามารับหน้าเสื่อไปเต็ม ๆ ทั้งที่ความเสียหายเหล่านี้จะต้องมีผู้รับผิดชอบถึงขั้นติดคุกด้วยซ้ำแต่ก็กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ แล้วจะมีใครเอาคอไปพาดเขียง”
นอกจากนี้ งานหินของซีอีโอทีโอทีที่รออยู่เบื้องหน้ากรณีการดำเนินการตามแผนควบรวมกิจการกับบริษัท กสทโทรคมนาคม จำกัด (หาชน) หรือ แคท เทเลคอม ที่รัฐบาลกำหนดให้ร่วมกันจัดตั้ง บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ” หรือ N -Telecom (NT) ก็ยังไม่รู้ว่าภายหลังการควบรวมกิจการ และจัดโครงสร้างหน่วยธุรกิจใหม่ของทั้งสองบริษัทแล้ว ตัวซีอีโอร่วมหรือทีโอทีจะยังหลงเหลือกิจการใดไว้ให้ทำบ้าง รวมทั้งจะจัดการกับปัญหาพนักงานทีโอทีที่ยังคงมีอยู่เต็มลำเรือกว่า 18,000 คนอย่างไร ปัญหาหลักคือหลังควบรวมแล้วจะให้ทำอะไร จะให้ทีโอทีเข้าไปร่วมวงประมูล 5จี ตามนโยบาย รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ก็ทำได้ยาก เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทำให้ไม่สามารถจะเตรียมการประมูลได้ทัน ประกอบกับ กสทช. เองก็ตั้งแท่นไม่เอาด้วย และคงวางเงื่อนไขที่เข้มงวดจนอาจทำให้ทีโอทีและแคทไม่สามารถประมูลได้”
ไหนจะเรื่องของขบวนการการนำเอาวงจรต่างประเทศ หรือ “ทราฟฟิกเถื่อน” เข้ามาให้บริการ ที่ยังความเสียหายให้แก่ทีโอทีปีละนับพันล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการร้องเรียนไปยังบอร์ดทีโอที และ ป.ป.ช. แต่เรื่องกลับเงียบหายไป ซึ่งโครงการเหล่านี้ยังคงพร้อมปะทุขึ้นมาได้ทุกเวลา จึงทำให้ผู้บริหารทีโอทีพากันขยาดไม่อยากเอาคอไปพาดเขียง
โดย เนตรทิพย์กระพริบข่าวร้อน
http://www.natethip.com/news.php?id=1613
www.mitihoon.com
