“โกลเบล็ก” แนะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ช็อปหุ้นพลังงานรับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง  

45

มิติหุ้น– บล. โกลเบล็ก มองสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางหนุนราคาน้ำมันพุ่ง เป็นจังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ให้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,555 – 1,580 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น  PTTPTTEP ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น  ส่วนทิศทางราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,450-1,650 ดอลลาร์ หลังนักลงทุนหลีกเลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมาลงทุนทองคำเพิ่มขึ้น

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก จากเหตุที่สหรัฐสังหารผู้นำทหารระดับสูงอิหร่านส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง  แต่คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะช่วยพยุงตลาดได้บางส่วน หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงที่อาจจะส่งผลกระทบกับการผลิตน้ำมันในตะวันออกกลาง ปริมาณน้ำมันในตลาดโลก และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว คาดคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,555 – 1,580 จุด

สำหรับปัจจัยลบในประเทศที่กดดันตลาดหุ้นไทย อาทิ ภาวะภัยแล้งปีนี้เป็นความเสี่ยงในอนาคตที่จะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 รวมทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอนในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจและ และค่าเงินบาทผันผวนและมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นกดดันการส่งออก

 ด้านนางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก  กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ คือ สถานการณ์ราคาน้ำมันขยับขึ้นจากสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาหุ้นพลังงาน และ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตามแนะนำจับตาการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)  ในวันที่ 8 ม.ค. นี้ และในวันที่ 8-10 ม.ค. สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น Defensive Stock หุ้นปลอดภัย ได้แก่  BEM และ PLANB รวมทั้ง หุ้นพลังงานที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ได้แก่ PTT และ PTTEP

ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำคาดปีนี้ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,450-1,650 ดอลลาร์ หรือ 20,550-23,680 บาทต่อบาททองคำ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างสหรัฐและอิหร่าน

อีกทั้งเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าปี 2563 จะเริ่มชะลอตัวทั้ง สหรัฐ ยูโรโซน อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน ส่งผลให้ความต้องการถือสินทรัพย์เสี่ยงลดลง อย่างไรก็ตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงไตรมาส 3/2563 คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 ครั้งในช่วงไตรมาส 4/2563 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ ปัจจัยที่น่าจับตาคือการเลือกตั้งสหรัฐช่วงปลายปี 2563 หาก ทรัมป์ ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป เราคาดว่าจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำเนื่องจากนโยบาย “อเมริกามาก่อน”