มิติหุ้น- PTTGC ชี้ผลงานปี 63 ฟื้นตัวชัด ปักธงรายได้เติบโต 15% จากปีก่อน หลังทุกกลุ่มธุรกิจทั้งโรงกลั่น-อะโรเมติกส์-โอเลฟินส์ปริมาณการขายพุ่ง โดยเฉพาะ “ธุรกิจโรงกลั่น” ค่าการกลั่นทะลัก เด้งรับมาตราการ IMO2020 โชว์แผน 5 ปี ทุ่มงบ 1.5-2 แสนล้านบาท รุกขยายธุรกิจและเทกโอเวอร์ธุรกิจปิโตรเคมีในสหรัฐฯ มั่นใจได้ข้อสรุปปีนี้ชัวร์ โบรกชี้เป้า 67.50 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC โดย “นายคงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจปี 63 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งโรงกลั่น, อะโรเมติกส์ และโอเลฟินส์
ทุกธุรกิจปริมาณการขายพุ่ง
โดย “ธุรกิจโรงกลั่น” ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น เพราะไม่มีโรงงานที่ปิดซ่อมบำรุง และมาร์จิ้นจะที่ดีขึ้นจากมาตรการ IMO คาดค่าการกลั่น (GRM) จะอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล จากปีก่อนที่ 4 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่วน “ธุรกิจอะโรเมติกส์” มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น เพราะการปิดซ่อมบำรุงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ “ธุรกิจโอเลฟินส์” แม้ซัพพลายล้นตลาด แต่คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์จะเพิ่มขึ้น และจะมีกำลังผลิตใหม่เข้ามาในช่วงปลายปีด้วย
สำหรับแผนธุรกิจ 5 ปีข้างหน้า (63-67) บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ 150,000-200,000 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั่วไป, ศึกษาซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีในสหรัฐฯ คาดปี 63 จะได้เห็นข้อสรุป
ส่วนโครงการศึกษาการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ คาดไตรมาส 2/63 จะได้ผลสรุปเพื่อตัดสินใจในการลงทุน ทั้งนี้บริษัทจะมีการลงทุนเพื่อต่อยอดโครงการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในบริเวณพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
ด้าน “นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธ์” ผู้จัดการหน่วยงานการเงินองค์กร และนักลงทุนสัมพันธ์ PTTGC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 4/62 มีโอกาสต่ำสุดแห่งปี เพราะมีการปิดซ่อมบำรุงโอเลฟินส์ ส่งผลให้กำลังการผลิตส่วนหนึ่งหายไป แต่มั่นใจว่าในปี 63 ผลงานจะฟื้นตัวดีขึ้นแน่นอน
เด้งรับมาตราการIMO 2020
ด้าน “นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 4/62 ของ PTTGC คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.56 พันล้านบาท ลดลง 4% และรายได้รวมที่ 1.01 แสนล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน จากการปิดซ่อมบำรุงของธุรกิจโรงกลั่น 54 วันและโรงผลิต LDPE 23 วัน
อย่างไรก็ดีผลกำไรในส่วนโรงกลั่นจะดีขึ้น เพราะ GRM สูงขึ้น จากมาตรา IMO 2020 และผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 400 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบท้ายไตรมาสนี้ได้ปรับตัวขึ้น ด้าน “ปิโตรเคมี”ยอดขายและกำไรน่าจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากส่วนต่างราคาของ PX ในกลุ่มอะโรเมติคส์ และกลุ่ม Olefins โดยเฉพาะอย่างยิ่ง HDPE และ LLDPE ที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดีปี 63 จะเริ่มฟื้นตัว แนะนำ “ซื้อ”เป้าหมาย 67.50 บาท
