TU ได้เวลาเก็บเกี่ยวของถูก กำไรเด้งแรงรอบ2ปี (14/01/63)

1052

มิติหุ้น-TU ราคารูดลงสะท้อนข่าวร้ายแล้ว ได้เวลาเก็บของถูกเข้าพอร์ตรับกำไรปี63 ฟื้นรับราคาทูน่าเด้งแตะ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ส่งผลดีธุรกิจ OEM กูรูฟันธงปีนี้โชว์กำไร 5,100 ล้านบาทสูงสุดในรอบ 2 ปี เคาะเป้าหมาย 20 บาทต่อหุ้น

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานจากกรณีราคาหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TU ปรับตัวลดลงมาในรอบกว่า 6 ปี ช่วงปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบันที่ราคาเริ่มขยับนั้นล่าสุดอยู่ที่ 14.60 บาท/หุ้น นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ราคาหุ้น TU ที่ปรับลงนั้นรับปัจจัยลบไปหมดแล้วทั้ง ราคาทูน่าที่ปรับลงในระดับต่ำ 950 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ลดลง 22 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 32.5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ไตรมาส4 ยังเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และยังผสมกับปัจจัยกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอีก ซึ่งราคาหุ้น TU ที่เทรดกันในระดับ PE ถูกเพียง 13 เท่าจากอดีตเทรดที่ระดับ 17-18 เท่า จึงมองว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจโดยปี 63 คาดราคาทูน่าเริ่มฟื้นมาอยู่ที่ระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ส่งผลดีต่อการผลิต OEM

คาดกำไรปี63แตะ 5,100 ลบ.

นอกจากนี้ทาง TU ยังต่อยอดธุรกิจน้ำมันปลา ภายใต้บริษัทลูก บริษัทไทยยูเนียน อินกรีเดียนท์ จำกัด โดยได้เริ่มดำเนินการผลิตแล้ว และถือเป็นการเพิ่มมูลค่า เนื่องจากสกัดน้ำมันจากหัวปลา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีนัยสำคัญต่อรายได้ของบริษัทภายใน 3 ปีนี้ พร้อมประเมินกำไรปี 63 เริ่มฟื้นที่ 5,100 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโต 38.6 % (เติบโตสูงสุดในรอบ 2 ปี)จากปีนี้ที่คาดกำไรจะอยู่ที่ 3,700 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนทำได้แล้ว 2,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74 % ของกำไรทั้งปีที่คาดการณ์ไว้ ส่วนราคาเป้าหมายอยู่ที่ 20 บาท/หุ้น

ราคาทูน่าฟื้น

ด้านบทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า จากกรณีที่ราคาทูน่าฟื้นตัวคาดว่าจะทำให้ผู้ซื้อ (OEM) เริ่มกลับมาสั่งซื้อมากขึ้นหลังจากชะลอการซื้อเพื่อรอดูทิศทางราคา ทั้งนี้ ราคาปลาทูน่ายังนับว่าต่ำ ซึ่งเป็นบวกต่อธุรกิจแบรนด์ทูน่า ทำให้มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นแต่ต้องใช้เวลา 1-2 ไตรมาส เนื่องจากยังมีสต็อกเดิมอยู่ ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส4/62 คาดว่าถูกกดดันจากราคาปลาทูน่าที่ลดลงซึ่งกระทบอัตรากำไรของธุรกิจ OEM  และเป็นช่วงโลว์ซีซั่นซึ่งปริมาณขายลดลง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า จึงแนะนำ “ซื้อ” เมื่ออ่อนตัว

ราคาลงรับข่าวร้ายหมดแล้ว

ด้านบล.กรุงศรี แนะทยอยสะสม มอง Downside limit ราคาหุ้นลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ส่วนทิศทางราคาทูน่าซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของ TU  ยังทรงตัวในระดับต่ำ 900 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อ Margin และ ผลกำไรของ TU จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.10 บาท/หุ้น