มิติหุ้น- แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ดีกว่ารับทศวรรษใหม่ ด้วยการลงนามกรอบความตกลงด้านการบริหารจัดการโรงแรมร่วมกับ IHG (อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป) หนึ่งในผู้นำธุรกิจโรงแรมชั้นนำ ระดับโลก เพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาโรงแรม ทั้งในรูปแบบการปรับโฉม และพัฒนาโรงแรมใหม่รวมกว่า 1,200 ห้องในจุดมุ่งหมายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญต่าง ๆ ในประเทศไทย ภายใต้มาตรการบริหารจัดการระดับโลกของ IHG เริ่มต้นด้วยการลงนามสัญญาบริหารจัดการโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ที่วางคอนเซ็ปต์ใหม่ให้โรงแรมเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตแห่งแรกของไทย ที่รุ่มรวยด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมล้านนาที่งดงามและทรงคุณค่า รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ในเชียงใหม่และในประเทศไทย ด้วยห้องพัก 306 ห้องและพื้นที่จัดประชุมและจัดเลี้ยงทั้งภายในและภายนอกกว่า 3,600 ตารางเมตร
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง เรารู้สึกยินดีที่จะได้ร่วมงานกับ IHG ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่มีแบรนด์โรงแรมมากมายอยู่ในพอร์ตโฟลิโอ โดยทั้งสองบริษัทต่างก็มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยและสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทย
โดยความร่วมมือกับ IHG เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความสำเร็จในรูปแบบธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ของ AWC ที่ไม่หยุดนิ่งในการสร้างความร่วมมือกับแบรนด์โรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับสากล โดยจะเริ่มจาก“อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท” ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ของ IHG ที่มาพร้อมความโดดเด่นในหลายองค์ประกอบ ตั้งแต่การเลือกเปิดโรงแรมในอาคารที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ไปจนถึงแลนด์มาร์ก ที่สำคัญของเมืองหรือในบรรยากาศ รีสอร์ทที่เต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาในทุกมุมโลก “อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท” จึงเป็นพันธมิตรที่ตอบโจทย์กลยุทธ์ที่จะร่วมพัฒนาโรงแรมภายใต้แบรนด์ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง” ในจังหวัดเชียงใหม่”
มิสเซเรนา ลิม รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ IHG เพราะประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำทั้งสำหรับกลุ่มที่เข้ามาทำธุรกิจและเข้ามาพักผ่อน การจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับ AWC ซึ่งเป็นนักพัฒนาชั้นนำในอุตสาหกรรมนี้ จะช่วยให้เราสามารถสร้างการเติบโตต่อไปในประเทศ พร้อมทั้งช่วยผลักดันการขยายการเติบโตของแบรนด์ระดับโลกของเราในจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน”
ในฐานะแบรนด์โรงแรมเพื่อการท่องเที่ยวระดับนานาชาติที่หรูหราแบรนด์แรกของโลก “อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท” เป็นผู้บุกเบิกจุดหมายปลายท่องเที่ยวในหลากหลายประเทศมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ แบรนด์นี้ได้สร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครในระดับโลก ผ่านบริการที่เหนือกว่าและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนความใส่ใจที่มีให้กับแขกผู้เข้าพักผ่านบริการที่ใกล้ชิดแบบเฉพาะบุคคล “IHG Rewards Club” ซึ่งเป็นโปรแกรมสมาชิกทั่วโลกของ IHG ที่มีสมาชิกลงทะเบียนอยู่มากกว่า 100 ล้านคน ซึ่งเป็นอีกช่องทางสำคัญที่ทำให้ IHG เข้าถึงลูกค้านักเดินทางทั่วโลก
การลงนามในสัญญาฉบับใหม่ระหว่าง AWC และ IHG จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความเป็นพันธมิตรระหว่าง 2 บริษัท ต่อเนื่องจากความสำเร็จที่ผ่านมากับการพัฒนาและการบริหารโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพ สาทร จนได้รับรางวัล “Loved by Guests 2019” จากเว็บไซต์ Hotels.com และรางวัล TTG Travel Awards 2019 สาขา Best Budget Hotel 2019 ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ที่เด่นชัดถึงความพึงพอใจ จากผู้เข้าพักที่มีต่อโรงแรมในระดับสูง
ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง AWC และ IHG ครั้งนี้ เริ่มต้นด้วยการปรับปรุงโรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับแถวหน้าของธุรกิจโรงแรมและการบริการของเชียงใหม่ตลอดระยะเวลา 31 ปีที่เปิดดำเนินงานมา โดยโรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิงมีส่วนสำคัญที่ทำให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศ โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิงยังเคยได้รับเลือกให้เป็นโรงแรมแห่งแรกในเชียงใหม่ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี 2546 นอกเหนือจากการเป็นสถานที่รับรองงานอีเวนต์ระดับนานาชาติหลายงานอาทิ งานไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ต และอีกมากมาย รวมถึงการเป็นโรงแรมที่เปิดต้อนรับแขกผู้มีเกียรติระดับนานาชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวงศ์จากต่างประเทศ ประมุขของรัฐ และบุคคลผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา การลงนามในข้อตกลงการจัดการโรงแรมจะสร้างให้เชียงใหม่เป็นที่รู้จักผ่านเครือข่ายทั่วโลกของ IHG ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันมีเสน่ห์ของเชียงใหม่และความงามของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ไปทั่วโลก
“โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง” มีกำหนดเปิดทำการในปี 2564 และจะดำเนินการส่วนขยายจนแล้วเสร็จอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของโรงแรมและการบริการที่หรูหราในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่สำคัญทางภาคเหนือของประเทศไทย ทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางที่ลงตัว สำหรับนักเดินทางที่ต้องการไปพักผ่อนและกลุ่มไมซ์ (MICE) ภาพรวมของการท่องเที่ยวของเชียงใหม่จะเปี่ยมด้วยชีวิตชีวายิ่งขึ้นหลังการขยายพื้นที่ของสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขีดความสามารถ ในการรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 16 ล้านคนในปี 2565 และสนามบินแห่งที่ 2 ของจังหวัดเชียงใหม่ ในเขตอำเภอสันกำแพงซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568 จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้อุตสาหกรรมไมซ์และการประชุมในระดับระหว่างประเทศในเชียงใหม่นั้นมีการเติบโตถึง 250% ในระหว่างปี 2556 ถึงปี 2561
ด้วยแรงบันดาลใจจากสุนทรียะทางวัฒนธรรม ศิลปะ และอาหารของอาณาจักรล้านนาอันเลื่องลือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง จะถ่ายทอดความงดงามไร้กาลเวลาของยุคล้านนาออกมาภายใต้รายละเอียดที่หรูหราทันสมัย โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิงตั้งอยู่ภายในตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่ไกลจากเชียงใหม่ไนท์บาซาร์ที่มีชื่อเสียง ประตูท่าแพ ตลาดวโรรส และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ โรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิงแห่งนี้ พร้อมเป็นที่พักอันหรูหราสำหรับทั้งนักเดินทางและนักธุรกิจไมซ์ ด้วยห้องพักจำนวน 306 ห้อง ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 6 แห่ง และพื้นที่กว่า 3,600 ตารางเมตรสำหรับการจัดการประชุม การจัดกิจกรรม และการพบปะสังสรรค์ทั้งภายในและภายนอก นอกจากนี้ ภายในล้านนาสปา แขกผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการได้ผ่อนคลายแบบองค์รวม ผสมผสานไปกับบรรยากาศของ การปรนนิบัติบนความเชื่อ รวมถึงเมนูอาหารแบบดั้งเดิมของล้านนา นอกจากนี้ ภายในโรงแรมยังมีพิพิธภัณฑ์เติ้งลี่จวิน ซึ่งตั้งอยู่บนห้องสวีทชั้น 15 ของโรงแรม เพื่อรำลึกถึงนักร้องคนสำคัญผู้เป็นไอคอนทางวัฒนธรรมไต้หวันที่มีชื่อเสียง โดยห้องนี้จะได้รับการอนุรักษ์ภายใต้แผนปรับปรุงให้เป็นร้านอาหารและบาร์บนชั้นดาดฟ้า ซึ่งแขกผู้เข้าพักสามารถสัมผัสประสบการณ์แบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งห้องและเฟอร์นิเจอร์แบบเดิมเหมือนช่วงเวลาที่เติ้งลี่จวินเข้าพักอยู่ที่นี่เมื่อ 2 ทศวรรษก่อน
พิธีลงนามครั้งสำคัญ
พิธีลงนามกรอบความตกลงด้านการบริหารจัดการโรงแรมนี้เป็นการขยายความร่วมมือระหว่าง AWC และ IHG โดยจะมีการพัฒนาโรงแรมกว่า 1,200 ห้องในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง 306 ห้อง ทั้งนี้ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่นคาดว่าจะยังคงสานต่อความเป็นพันธมิตรระยะยาวร่วมและร่วมสร้างโครงการคุณภาพระดับโลกอีกมากมายกับ IHG เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วยกัน
เกี่ยวกับบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท Holding Company ภายใต้เครือทีซีซีกรุ๊ป (TCC Group) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ซึ่งบริหารงานโดยผู้บริหารโรงแรมที่มีชื่อเสียงภายใต้ แบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จักระดับสากล อาทิ แมริออท, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล, โอกุระ, เลอ เมอริเดียน, บันยันทรี, ฮิลตัน, ดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน, เชอราตัน และมีเลีย และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial Building) ซึ่งครอบคลุมโครงการในกลุ่ม 1) อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale) ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ชอปปิงมอลล์ คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อประกอบกิจการการค้าส่ง โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้ามีโครงการที่มีชื่อเสียงคือ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โครงการเกทเวย์ แอท บางซื่อ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ และโครงการตะวันนา บางกะปิ 2) อาคารสำนักงาน (Office) โดยโครงการที่โดดเด่นในเครือ AWC คือ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ และอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทางธุรกิจที่มีศักยภาพในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ
ล่าสุด บริษัทประสบความสำเร็จหลังจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ณ วันที่ 10 ต.ค. ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ (จากฐานข้อมูลของบลูมเบิร์ก)