ก่อนการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในวันที่ 15 มกราคม 2563 ซึ่งทั่วโลกจับตามองว่าเป็นสัญลักษณ์สงบศึกครั้งสำคัญ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยกเลิกการกำหนดว่าจีนเป็นผู้บิดเบือนค่าเงิน นับเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของสหรัฐฯ สู่การประนีประนอมอย่างชัดเจนนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งสหรัฐฯ เคยกล่าวหาว่าจีนจงใจทำให้ค่าเงินหยวนต่ำเกินจริงเพื่อชิงความได้เปรียบด้านการค้า ทั้งนี้ รายงานเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนรอบครึ่งปีของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุถึงความกังวลต่อค่าเงินของเยอรมันซึ่งมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงที่สุด รวมถึงไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และเวียดนาม ขณะที่จีนยังอยู่ในบัญชีรายชื่อเฝ้าระวังเช่นกัน อีกทั้งได้เพิ่มสวิตเซอร์แลนด์ในบัญชีดังกล่าวด้วย
เมื่อครั้งที่จีนกำหนดค่ากลางเงินหยวนใหม่ ส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่าผ่านระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ในวันที่ 5 สิงหาคม 2562 (กราฟด้านล่าง) ถือเป็นการตอบโต้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งขู่จะเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ และนำมาซึ่งการประกาศว่าจีนเป็นนักปั่นค่าเงิน ตลาดหุ้นทั่วโลกเข้าสู่ภาวะตื่นตระหนก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลง หลังจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสงครามค่าเงินและผลกระทบที่จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจโลกที่กำลังระส่ำระสาย และในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี หนึ่งในเหตุผลที่กนง.อ้างถึงคือ ปัจจัยเสี่ยงด้านต่างประเทศจากการกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้นและเริ่มกดดันอุปสงค์ในประเทศ
ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางซึ่งประเดิมปีชวดด้วยความตึงเครียดไม่ได้ขยายวงออกไป บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงดูเหมือนจะสดใสขึ้นอีกครั้ง สะท้อนความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจที่น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนข้อมูลล่าสุดของทางการจีนบ่งชี้ว่า ยอดส่งออกเดือนธันวาคมเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนและมูลค่าการนำเข้าเพิ่มสูงเกินคาดเช่นกัน โดยดัชนีตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สกุลเงินซึ่งในปีที่ผ่านมาเผชิญแรงเทขายจากพิษสงครามการค้าอย่างเงินหยวนของจีนและเงินวอนเกาหลีใต้ได้ฟื้นตัวสู่ระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน สนับสนุนการคาดการณ์ของเราที่ว่าในปี 2563 เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเล็กน้อยเทียบกับดอลลาร์ และจะไม่ใช่ผู้นำกลุ่มสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ดี นักลงทุนจะติดตามหนทางยุติข้อพิพาททางการค้าในเฟสต่อไปขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง
โดย คุณรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ
ผู้บริหารฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
www.mitihoon.com