ความสำเร็จในการลงนามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หนุนราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง

83

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55 – 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (20 – 24 ม.ค. 63)

ราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะยังทรงตัวในระดับสูง โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากการลงนามข้อตกลงระยะที่ 1 ระหว่างสหรัฐฯ-จีน เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา และการผลิตจากกลุ่มโอเปกที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในไตรมาส 1/2563 ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันดิบที่คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานเกือบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ความกังวลจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านเริ่มคลี่คลาย

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีทิศทางดีขึ้น หลังการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศในวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดความร้อนแรงของสงครามภาษีระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปี ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวดีขึ้น โดยในข้อตกลงดังกล่าว จีนตกลงจะซึ้อสินค้าพลังงานจากสหรัฐฯ อาทิเช่นน้ำมันดิบ มูลค่า 54 พันล้านเหรียญฯ ภายใน 2 ปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาน้ำมัน

 

  • สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 10 ม.ค. 63 ปรับลดลง 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม EIA คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯอยู่ที่ประมาณ 13.30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • ตลาดคาดว่ากลุ่มโอเปกกำลังพิจารณาที่จะขยายกรอบระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตจากเดิมสิ้นสุดในไตรมาส 1/2563 เป็นสิ้นสุดในไตรมาส 2/2563 ซึ่งในการปรับลดดังกล่าว เป็นปัจจัยทำให้ราคาทรงตัวต่อเนื่อง
  • เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินยูโรโซนและญี่ปุ่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารกลางจีน

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (13 – 17 ม.ค. 63)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 58.54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 64.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 64.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเนื่องจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลาย หลังสหรัฐฯ ใช้วิธีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับอิหร่านแทนการตอบโต้ทางการทหาร อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการบรรลุข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 ระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยมีการลงนามในข้อตกลงการค้าในวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดความร้อนแรงของสงครามภาษีระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกหลังจากยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปี