WHA กางแผนปี 63 ตั้งเป้ารายได้-ส่วนแบ่งกำไรเพิ่ม 15% ลุยขายที่ดิน 1.4 พันไร่ วางงบลงทุน 5 ปี (63-67) ที่ 5.2 หมื่นลบ.

469
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA โดยนางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และส่วนแบ่งกำไรในปี 2563 จะเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 15 จากปีก่อน และคาดอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะอยู่ที่ร้อยละ 40 และคาดการณ์ว่าจะมีการใช้งบประมาณในการลงทุนช่วงปี 2563 – 2567 ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนไม่เกิน 1 เท่า

ทั้งนี้ ในปี 62 ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีผลประกอบการและส่วนแบ่งกำไรรวมมูลค่าราว 1.35 หมื่นล้านบาท และมีมูลค่าสินทรัพย์โดยรวม 8.2 หมื่นล้านบาท โดยมีลูกค้าใหม่ทั้งหมด 80 ราย และมีสัญญาซื้อที่ดินและเช่าโรงงานจำนวน 130 ฉบับ ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ารวม 900 ราย จากสัญญารวมทั้งฉบับ 1,450 ฉบับ

สำหรับทิศทางกลยุทธ์แผนธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจของ WHA ในปี 63 ประกอบด้วย “ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์” มีแผนผนึกพันธมิตรในระยะยาว  โดยเฉพาะในด้านอีคอมเมิร์ซ โดยจะเน้นไปที่สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดมูลค่าสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมายต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การแปรรูปอาหาร ตลอดจนการบิน โลจิสติกส์ และโรโบติกส์  และจะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างคุณลักษณะใหม่ ๆ ให้กับคลังสินค้าอัจฉริยะ  โครงการใหม่ ๆ ที่เตรียมเปิดตัว รวมถึงโครงการอีคอมเมิร์ซและการเช่าใหม่ในปี 63 ตั้งเป้ายอดเช่าอาคารไว้ที่ 250,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2,560,000 ตารางเมตร นอกเหนือจากพื้นที่คลังสินค้าที่มีอยู่ในประเทศไทยและในอินโดนีเซียแล้ว ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ ยังมองหาโอกาสการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในเวียดนามด้วย
ทั้งนี้ในปี 63 ยังมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ราว 150,000 ตร.ม.  ซึ่งทั้ง 4 กองทุนของกลุ่มมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 45%ต่อปี และมีมูลค่าสูงถึง 5.54 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 62 โดยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยมโกรท (WHART) และ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นราว 77% และ 30% ตามลำดับ
ส่วน “ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์” (WHAID) มีแผนการสร้างนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 11 ของกลุ่ม (นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36) ในช่วงปลายปี 63  และขยายนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 แห่งภายในปี 66
ขณะที่ในเวียดนาม WHAID จะพยายามเร่งยอดขายเพื่อดึงดูดนักลงทุนมายังเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน หนึ่งในโครงการที่ได้มาตรฐานสูงสุดในพื้นที่ภาคกลางตอนเหนือ ของประเทศเวียดนาม ในขณะเดียวกันบริษัทจะพัฒนาพื้นที่ส่วนที่เหลือของเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน เฟส 1 ทั้งนี้ยังอยู่ในระหว่างการขออนุมัติใบอนุญาตจากรัฐบาลเวียดนาม
สำหรับ “ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์” (WHAUP) จะขยายธุรกิจ พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการน้ำรูปแบบใหม่ และเสริมพอร์ทด้านพลังงานด้วยนวัตกรรมโซลูชันพลังงาน โดยด้านระบบสาธารณูปโภค คาดการณ์ปี 63 จะมียอดจำหน่ายและบริหารน้ำอยู่ที่ 147 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปี 62 มียอดจำหน่ายและบำบัดน้ำ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนด้านพลังงานไฟฟ้า คาดการณ์ปี 63 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 591 เมกะวัตต์ รวมถึงระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่เริ่ม COD ในปี 63  จากปี 62 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 560 เมกะวัตต์
ส่วน “ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ตั้งเป้าสนับสนุนการดำเนินงานทุกรูปแบบในทุกฮับของกลุ่ม ช่วงปลายปี 2563 จะมีการติดตั้งไฟเบอร์ออฟติก (FTTx) ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่งจากทั้งหมด 10 แห่งในประเทศไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมต่อด้านดิจิทัลภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ยิ่งไปกว่านั้น อาศัยจากฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม จะส่งผลดีกับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย

นางสาวจรีพร  กล่าวว่า แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะต้องเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ผลการดำเนินงานของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอัตรา 22% ในขณะเดียวกันเรายังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง พร้อมรุกตลาดในไทยและเวียดนาม

พร้อมทั้งเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบโลกในปี 63 อาทิ ความตึงเครียดด้านการค้าโลก การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผลกระทบจากเทคโนโลยีใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เหตุการณ์เหล่านี้อาจสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัท

www.mitihoon.com