ตลาดหุ้น น่าจะเริ่มนิ่งหลังการปรับลดประมาณการฯ

141

ดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงแย่กว่าคาด ต่ำกว่าแนวรับที่ประเมินไว้ที่ 1,550 จุด โดยลงไปใกล้ทดสอบแนวรับจิตวิทยาที่ 1,500 จุด ก่อนที่จะสามารถรีบาวด์กลับได้ โดยเป็นผลจากความกังวลเรื่องผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (สายพันธุ์ใหม่) ต่อเศรษฐกิจโลกและไทย ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะต้องทำการปรับลดประมาณการฯบริษัทจดทะเบียนไทยลง โดยเฉพาะกลุ่ม ท่องเที่ยว, ค้าปลีก, และธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ปัจจุบันประมาณการ EPS ของ SET index อยู่ที่ 99.6 บาท/หุ้น (ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนที่ราว 100 บาท/หุ้น)

โดยเราประเมินว่าจะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นของประมาณการกำไรปีนี้ หลังการรายงานผลการดำเนินงานปี 2562 (ภายในเดือน ก.พ.) และนักวิเคราะห์จะทำการปรับปรุงประมาณการหลังการประชุมนักวิเคราะห์ (คาดการประชุมฯ จะทยอยภายในเดือน ก.พ. – มี.ค.) ประเมินแนวรับ SET index สัปดาห์นี้ 1,500 จุด และในกรณีเลวร้ายหากต่ำกว่า 1,500 จุด มีโอกาสทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1480 จุด / กรณีรีบาวด์ได้ ประเมินแนวต้าน 1,530 – 1,550 จุด ทั้งนี้ปัจจัยบวกที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในตลาดหุ้นไทยคือ การประชุม กนง วันที่ 5 ก.พ. หากมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง อาจทำให้ตลาดการเงินฟื้นตัวได้ (ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ คาดที่ประชุม กนง จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้)

ดังนั้นสำหรับกลยุทธ์การลงทุน การลงทุนในช่วงสั้น 1) แนะนำ ซื้อสะสม หุ้นปันผลดีพิมพ์นิยม ที่ Underperform ตลาดฯในช่วงปีที่ผ่านมา (BCPG, KKP, TISCO เป็นต้น) เนื่องจากคาดว่า นักลงทุนที่ขายหุ้นไปในปลายปีที่ผ่านมา และ/หรือ มีการชอร์ตเซลไว้ จะทำการซื้อคืนหุ้นก่อนการจ่ายปันผลประจำปี, 2) หุ้นขนาดกลาง – เล็กที่คาดผลการดำเนินงานปีนี้เด่น JMART, EPCO, SIMAT, NEX เป็นต้น, 3) หุ้นกลุ่มส่งออกอาหาร (CPF, TFG, GFPT) ที่คาดได้อานิสงส์ ค่าเงินบาทอ่อน + ราคาเนื้อหมู และไก่ ยังอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่อง

แนะนำ Wait&see หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ (CK, STEC, SEAFCO) และนิคมฯ (AMATA, WHA) โดยประเมินว่า เป็นโอกาสดีในการซื้อหุ้นในราคาถูก แต่นักลงทุน (ที่รับความเสี่ยงได้น้อย) อาจต้องรอความชัดเจนเรื่องงบลงทุนภาครัฐฯมากกว่านี้ โดยคาดว่าจะมีความคืบหน้าของการตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญภายใน 1 – 2 เดือนนี้ และรวมถึงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว แม้ระยะสั้นอาจมีการรีบาวด์ เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับลงแรง โดยเราประเมินว่าอาจจะยังต้องจับตาดูสถานการณ์ต่ออีกระยะ เนื่องจากในช่วงต้นของการค้นพบโรคอาจจะยังไม่เห็นผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยอย่างชัดเจน ว่าจะกระทบต่อประมาณการฯปี 2563 เท่าไหร่

(สุโชติ ถิรวรรณรัตน์)