หุ้นไทยยังผันผวน จากปัจจัยไวรัสและการเมือง แนะเลือกหุ้น Defensive เลี่ยงกลุ่มท่องเที่ยว ,อีเล็คทรอนิคส์

122

ตลาดหุ้นยังเจอความผันผวนจากเรื่อง ไวรัสโคโรน่า ที่ยังไม่หยุดระบาด และปัจจัยการเมืองในเดือน ก.พ. ที่อาจจะมีผลต่อการทำงานของรัฐบาล KTBST SEC มองกรอบ SET ที่ 1,480-1,524 จุด แนะเลือกหุ้น Defensive และกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เลี่ยงกลุ่มท่องเที่ยว , อีเล็คทรอนิคส์

มิติหุ้น-ดร.วิน  อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์  เคทีบี (ประเทศไทย)  จำกัด (มหาชน) หรือ (KTBST SEC) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (3-7 ก.พ. 63)  มีแนวโน้มผันผวนการระบาดของไวรัสโคโรน่ากำลังขยายวงและส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจโลก จากการที่โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศจีนมีการหยุดการผลิตและกระทบต่อประเทศต่างๆ  เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหลักหนึ่งเดียวที่มีผลต่อตลาดในเวลานี้ แม้จะคาดการณ์ว่าผลกระทบต่อตลาดหุ้นจะไม่นานมาก อาจเห็นดัชนีหุ้นไทยปรับตัวถึงจุดต่ำสุดแค่ในช่วงเดือน ก.พ.นี้ หากสถานการณ์ไวรัส ไม่แพร่ในวงกว้างจนกระทบเศรษฐกิจโลกจริงๆ หรือถูกควบคุมได้ในวงจำกัด แต่อย่างก็ตาม ตลาดหุ้นไทย มีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามากดดัน โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณางบประมาณและการอภิปรายไม่ไว้วางใจรวมไปถึงเรื่องการยุบพรรค ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาล ขณะเดียวกันการออกมาตรการต่างๆ ของภาครัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสเข้ามา ส่งผลให้นักลงทุนนักลงทุนยังไม่รีบกลับเข้ามาลงทุนในช่วงนี้ .

ส่วนการรายงานงบการเงินไตรมาส 4 ของ 2019 จะส่งผลบวกกับหุ้นเฉพาะตัวเท่านั้น โดยกลุ่มหลักที่มีน้ำหนักต่อทิศทางตลาดอย่างกลุ่มน้ำมัน , ปิโตรเคมี , ธนาคาร ได้มีการประมาณการกำไรกันไปแล้ว และเริ่มคาดการณ์ว่ากำไรไตรมาส 1 ของปี 2020 อาจจะได้รับผลกระทบจากเรื่องโคโรน่าไวรัสและราคาน้ำมันที่ร่วงลง สำหรับประเด็นที่สำคัญในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตามคือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 5 ก.พ. และการรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯวันที่ 7 ก.พ.

ด้านกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้  KTBST SEC คาดว่าตลาดจะมีผันผวนสูง จากความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสซึ่งกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบเดิมอยู่แล้ว นักลงทุนอาจพิจารณาหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว , อีเล็คทรอนิคส์ และรอจนกว่าสถานการณ์เริ่มคลายความกังวล ขณะเดียวกันแนะนำหุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดี (Defensive) เช่น CPNREIT , TISCO รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวและราคาลงมามากเช่น COM7 , MTC, CHAYO ส่วนกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้มองไว้ที่ 1,480-1,524 จุด