ACE อาสาช่วยแก้วิกฤต PM2.5 ประกาศเพิ่มการรับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตรไม่อั้น จากเดิมที่รับซื้ออยู่แล้วประมาณปีละ 1.5 ล้านตัน

156

มิติหุ้น- ACE ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชีวมวลรายใหญ่ของประเทศซึ่งเป็นผู้ที่รับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบอ้อย ฟางข้าว ต้นข้าวโพด เปลือกข้าวโพด ซังข้าวโพด เหง้ามัน ใบไม้แห้ง ฯลฯ จากเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่องปีละ 1.5 ล้านตัน โดยประมาณ เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวลของกลุ่มบริษัท โดยเป็นการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเผาในระบบปิดที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีระบบการกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยตั้งแต่ที่ ACE เริ่มเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรกในปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ACE ได้รับซื้อเศษวัสดุการเกษตรจากเกษตรกรมาแล้ว เป็นจำนวนรวมไม่น้อยกว่า 7 ล้านตัน ซึ่งมีส่วนช่วยลด PM2.5 ที่เกิดจากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในที่โล่งเป็นจำนวนมาก หรือเทียบเท่าได้กับปริมาณ PM2.5 ที่เกิดจากการเผาฟางข้าว และตอซังข้าวในนาข้าวเนื้อที่กว่า 10.8 ล้านไร่ และเพื่อเป็นการช่วยประเทศชาติแก้ไขปัญหา PM2.5 ในปีนี้ ACE จึงตั้งใจที่จะเพิ่มการรับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้มากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ตั้งทีมรับซื้อในทุกภาคประเทศ มั่นใจช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้จริง เพื่อคืนสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับประชาชนคนไทย และสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

นางสาวจิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศไทย และเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดของอาเซียน (The Clean Energy Leader) กล่าวว่า “ขณะนี้ประเทศไทย ประสบปัญหามลภาวะทางอากาศอย่างรุนแรงทั้งประเทศ จากฝุ่น PM 2.5 ซึ่งนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนไทยทุกคน ยังมีผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลง และจะมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของประเทศในปัจจุบัน”

ACE ดำเนินกิจการโดยยึดหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่คำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล และเป็นธุรกิจที่ก่อให้เกิด Positive Total Societal Impact (TSI) หรือผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่สังคม ดังนั้น ACE จึงมีความเต็มใจและภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของประเทศ โดยการรับซื้อของเหลือใช้จากภาคเกษตร อาทิ ใบอ้อย ฟางข้าว ต้นข้าวโพด เปลือกข้าวโพด ซังข้างโพด เหง้ามัน ใบไม้แห้ง ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกร จะทำลายด้วยการเผาทิ้ง ทำให้เกิดฝุ่นควันพิษ ซึ่งทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศทั่วประเทศ โดย ACE ยินดีที่จะรับซื้อของเหลือใช้จากการเกษตรทุกประเภท โดยไม่จำกัดจำนวน และรับซื้อในราคาที่สูง เช่น ใบอ้อย ฟางข้าว 1,000 บาทต่อตัน ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย”

หนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญที่ ACE ใช้ในการแก้ไขปัญหา PM2.5 คือ เทคโนโลยี Electrostatic Precipitator (ESP) ซึ่งจะทำการยิงประจุไฟฟ้าใส่อากาศที่วิ่งผ่านเพื่อดักจับฝุ่น PM2.5 แต่วิธีนี้ไม่ได้ทำให้ดักจับแค่ฝุ่น PM2.5 ได้เท่านั้น ฝุ่นขนาดเล็กกว่า PM2.5 ก็จะถูกจับด้วยวิธีนี้เช่นกัน ซึ่งเครื่อง ESP มีประสิทธิภาพดักจับฝุ่นได้เกือบ 100% ซึ่งฝุ่นที่ถูกดักจับเหล่านี้จะถูกนำไปอัดก้อน และฝังกลบอย่างถูกหลักสุขอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นถูกปล่อยออกไปในชั้นบรรยากาศ เรียกได้ว่านอกจากจะได้พลังงานแล้ว ยังคืนอากาศที่สะอาดให้กับพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย

นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE กล่าวเสริมว่า “เรามีความภูมิใจและเชื่อมั่นว่าการที่บริษัทฯ นำของเหลือจากการเกษตรในปริมาณปีละกว่า 1.5 ล้านตัน จากภาคการเกษตรที่เผาทิ้งมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้านั้น สามารถช่วยลดการเกิดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมาก บริษัทฯ จึงขอให้ทุกภาคส่วนของสังคมช่วยกันรณรงค์ให้เกษตรกรหยุดการเผาทำลายของเหลือจากการเกษตร และนำมาจำหน่ายให้กับกลุ่มบริษัทฯ หรือโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่มีการประกาศรับซื้อ”

บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ACE มีรายได้รวม 3,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% จากรายได้รวม 3,586 ล้านบาทจากช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 และมีกำไรสุทธิ 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากกำไรสุทธิ 429 ล้านบาท จากช่วง 9 เดือนแรกปี 2561

ปัจจุบัน บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE มีทุนจดทะเบียน 5,088 ล้านบาท เป็นผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในผู้นำด้านโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของโลก ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 212.18 เมกะวัตต์ โดยมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 9 แห่ง ตั้งกระจายอยู่ในเกือบทุกภาคทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดชลบุรี หนองคาย นครราชสีมา ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ขอนแก่น กาญจนบุรี สุรินทร์ และ ลำปาง จึงสามารถนำของเหลือจากการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าได้ และด้วยเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าระดับโลกที่พิสูจน์แล้วมาร่วม 10 ปี มีความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพ ด้านโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จนได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 14001, ISO 9001 และ OHSAS 18001 อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างของโลก ในการดำเนินกิจการโดยยึดหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) หรือผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่สังคม จากการดำเนินงานของบริษัทอันจะส่งผลดี ต่อผลตอบแทนการลงทุน โดยรวม

นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของ ACE ยังช่วยลดมลภาวะ และเป็นประโยชน์ ต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน ป้องกันการเกิด PM2.5 ช่วยลดปัญหาขยะชุมชน และช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนในชุมชน