ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. โดย พลโท ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ได้เชิญผู้ประกอบการและสื่อมวลชนเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวและข้อมูลเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 8-9 ก.พ.63 ที่ปรากฏว่าสื่อมวลชนบางรายได้นำเสนอรายการข่าวด้วยรูปแบบการรายงานสด live สด รายงานสถานการณ์ และข้อมูลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การรายงานข่าวแบบต่อเนื่อง การรายงานข่าวเหตุการณ์ซ้ำกันหลายครั้ง เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน ความปลอดภัยและความตึงเครียดของสังคมและประชาชนในบริเวณโดยรอบ ตลอดจนผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้
“กสทช. ได้เล็งเห็นความสำคัญของการนำเสนอข่าวและข้อมูลที่เกิดขึ้น จึงจะจัดทำแนวทางการนำเสนอข่าวและข้อมูลในลักษณะดังกล่าวในระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งมีมาตรการลงโทษที่เข้มข้นมากขึ้น เช่น การระงับการออกอากาศรายการในทันทีที่เห็นว่ารายการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของประชาชน ตลอดจนผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน พร้อมทั้งจัดทำบทลงโทษด้านอื่น ๆ” พลโท ดร.พีระพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ หลังการประชุมหารือร่วมกัน กสทช. จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ ในการยกร่างวิธีปฏิบัติในการนำเสนอข่าวในช่วงภาวะวิกฤต” ซึ่งอาจรวมถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน เช่น กรณีกราดยิง สังหารหมู่ เพื่อเป็นแนวทางและวิธีการปฏิบัติในครั้งถัดๆ ไป ซึ่งกำหนดจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์ ก่อนเปิดรับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการและประกาศใช้ให้เร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่มีช่วงทีวีดิจิทัลนำเสนอข่าวเหตุการณ์ไลฟ์สดกราดยิงที่โคราชกระทบการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้น จะมีการเชิญช่องทีวีที่มีปัญกาข้อร้องเรียรมาให้ข้อมูลเพื่อพิจารณากำหนดโทษ นัดแรกในวันที่ 18 ก.พ.นี้ โดยจะเชิญ 2-3 ช่องที่มีปัญหามากที่สุดมาชี้แจงก่อน ซึ่งมาตรดารลงโทษเป็นไปตามกระบวนการปกติ เริ่มตั้งแต่ตักเตือน ไปจนถึงสั่งปรับ และการพักใช้ เพิกถอนใบอนุญาต ถ้าเป็นความผิดครั้งแรกจะต้องตักเตือน ถ้ามีประวัติผิดซ้ำก็อาจจะมีสั่งปรับบ้างเล็กน้อย
www.mitihoon.com
