GPSC กำไรเด่น 4.1 พันลบ.-บุ๊กกำไรซื้อ ‘GLOW-COD’โรงไฟฟ้าไซยะบุรี

340

มิติหุ้น-GPSC เผยผลประกอบการปี 2562 กวาดรายได้ 66,562 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด สร้างผลกำไร 4,061 ล้านบาท โต 21% เมื่อเทียบกับปี 2561 หลังรับรู้รายได้ในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเพิ่มหลังรวม GLOW ได้ตามแผน และประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างทางการเงิน สามารถชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น หั่นต้นทุนการเงินลดลง พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท XD วันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ มั่นใจปี 2563 รับรู้รายได้เติบโตต่อเนื่อง

นายชวลิต  ทิพพาวนิช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ปี62  บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 66,562 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 41,682 ล้านบาท หรือคิดเป็น 168%  มีกำไรสุทธิที่ 4,061 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้จากการควบรวม “บ.โกลว์ พลังงาน หรือ GLOW” และมีโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟเข้าระบบเพิ่มขึ้น และการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินตามแผนการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง

พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้เสนอจ่ายเงินปันผลประจำปี 62 ในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท หรือคิดเป็น 74% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม แบ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 62 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท (จ่ายไปแล้ว 12 ก.ย.62) จึงยังคงเหลือส่วนเงินปันผลครึ่งหลังของปี 62 ที่จะต้องจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท

โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 ก.พ. 63 (หรือ XD วันที่ 26 ก.พ.) และกำหนดจ่ายเงินปันผลประจำปีที่อัตราหุ้นละ 0.80 บาทต่อหุ้นในวันที่ 17 เม.ย.63 โดยจะจ่ายเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 63 แล้ว

โดยบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 62 จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ผลิตสาธารณูปการแห่งที่ 4 จังหวัดระยอง (CUP-4)  โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำลิก 1 (NL1PC)  โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี (XPCL) และโครงการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมของบริษัท ชลบุรี คลีนเอ็นเนอร์ยี จำกัด (CCE) รวมถึงการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าของ GLOW ภายหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จในปี 62 ซึ่งเป็นผลทำให้รายได้ และกำไรของบริษัทมีทิศทางที่เติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนการปรับโครงสร้างทางการเงินตามแผนการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น ซึ่งได้จากการเพิ่มทุนจำนวน 74,000 ล้านบาท และการออกและเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 35,000 ล้านบาทแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4/62 เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น (Bridge Financing) ส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายและต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ลดลง

กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ ที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการ GLOW (Adjusted Net Income) มีจำนวนทั้งสิ้น 5,177 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,818  ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54% ซึ่งเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงผลกำไรจากการดำเนินงานของ GPSC ได้อย่างแท้จริง ซึ่งนอกจากเหตุผลข้างต้นแล้ว GPSC ยังมีผลการดำเนินการที่ดีจากโรงไฟฟ้าศรีราชา ซึ่งมีค่าความพร้อมจ่ายและชั่วโมงความพร้อมจ่ายตามสัญญาที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการสัญญาค่าซ่อมบำรุงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ลดลง

นายชวลิต กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 63 ว่า บริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 62 เนื่องจากการรับรู้ผลประกอบการจาก GLOW ที่เข้ามาแบบเต็มปี รวมไปถึงรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้านวนคร ส่วนขยาย (NNEG Expansion) กำลังการผลิตตามสัดส่วน 18 MW และโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ กำลังการผลิต 9 MW ซึ่งจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/63 และ ไตรมาส 2/64 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสในการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศอาเซียน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ (Gas to Power) ที่ประเทศเมียนมาร์ พร้อมทั้งการศึกษาและลงทุนในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการกักเก็บพลังงาน  และโครงการพลังงานทดแทน รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในแถบภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันตก เป็นต้น

ด้าน “บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)” กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เก็งกำไร”หุ้น GPSC  เป้าหมายที่ 77 บาท เนื่องจากประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 4/62  ที่ 1.1 พันล้านบาท เติบโต 28% จากไตรมาสก่อน  และเติบโต 136% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำระดับสูงสุดใหม่ แต่ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร เพราะเป็นช่วง Low season ของโรงไฟฟ้า IPP, ดอกเบี้ยจ่ายยังอยู่ระดับสูง, และมีค่าตัดจำหน่ายทางบัญชีจากการซื้อกิจการ GLOW หากหักรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (+14% จากไตรมาสก่อน , เติบโต 190% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ใกล้เคียงที่ตลาดคาด  โดยผลการดำเนินงานปกติขยายตัว 190%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรับรู้การเข้าซื้อกิจการ GLOW ส่วนทั้งปี 62 กำไรสุทธิทำได้ 4.1 พันล้านบาท เติบโต 21% จากปีก่อน 21%

 

www.mitihoon.com