มิติหุ้น- บริษัท เอ็นวิชั่น ดิจิทัล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Envision Digital) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี AIoT บนแพลตฟอร์มดิจิทัลซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พัฒนาระบบโครงข่ายอัจฉริยะ (SMART GRID) ครั้งแรก ให้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. บริษัทด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยซึ่งสร้างผลผลิตมวลรวมภายในประเทศราว 16% ในแต่ละปี
นายซิลวี อูเซียล ประธานกรรมการสากล เอ็นวิชั่น ดิจิทัล อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่าบริษัทฯได้ลงนามกับ ปตท. ในการพัฒนาระบบ “AIoT SMART GRID” ที่ สถาบันวิทยสิริเมธี (สวสธ. , VISTEC) โดยใช้ระบบปฏิบัติการ AIoT จาก เอ็นวิชั่น ดิจิทัล หรือ EnOS™ ด้วยการบูรณา แผงเซลล์สุริยะแบบลอยตัว (Floating Solar) แผงเซลล์สุริยะบนหลังคา (Rooftop Solar) ระบบจัดเก็บพลังงาน (Energy Storage) และสถานีประจุพลังงานไฟฟ้า (EV Charging Station) ภายในเขตวิทยาลัย ซึ่งใช้ซอฟต์แวร์เพื่อการวิเคราะห์ระบบดิจิทัล Enlight และ Ensight ของเอ็นวิชั่น โครงการ SMART GRID จะช่วยให้ ปตท. สามารถบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ปี 2563 ได้อย่างสัมฤทธิ์ผลนั่นคือ อัตราการเพิ่มการปล่อยมลพิษทางอากาศเป็นศูนย์
การทำสัญญาฉบับนี้เกิดขึ้นเนื่องจากบันทึกข้อตกลง ระหว่าง เอ็นวิชั่น ดิจิทัล และ ปตท. เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 เพื่อสร้างความร่วมมือในหลายโครงการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อการพิจารณาโอกาสในแหล่งพลังงานใหม่ และการแปรรูปไปสู่ระบบดิจิทัล ถือเป็นการดำเนินโครงการรูปแบบนี้เป็นครั้งแรกในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) ซึ่งเป็นภาคการทำงานเฉพาะที่ให้ความสำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมสำหรับเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: ECC) ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่ทวีความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับการค้าและการพาณิชย์ของภูมิภาคอาเซียน โครงการนี้ยังถือเป็นการนำร่องสู่โครงการในลักษณะเดียวกันอื่นๆ ของ ปตท. ในประเทศไทยต่อไป
“เรารู้สึกยินดีที่ได้ประกาศการร่วมมือโครงการครั้งสำคัญกับ ปตท. ในครั้งนี้ เนื่องจากการใช้ระบบ AIoT SMART GRID จะมอบศักยภาพอันมหาศาลให้แก่ ปตท. และผู้บริหารโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่อื่นๆ รวมถึงชุมชนและบริษัทต่าง ๆ ในประเทศไทย ในการยกระดับประสิทธิภาพและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน” ซิลวี อูเซียล ประธานกรรมการสากล เอ็นวิชั่น ดิจิทัล อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
ซิลวีกล่าวเสริมว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่แหล่งพลังงานที่ปล่อยคาร์บอนน้อยนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบรรลุเป้าหมาย การลดอัตราการปล่อยคาร์บอนตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งประเทศไทยได้มีการให้สัตยาบันในเรื่องนี้ เทคโนโลยี AIoT ก่อให้เกิดตัวช่วยสำคัญเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอัจฉริยะ ทีมงานเอ็นวิชั่น ดิจิทัล และดิฉันจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับผู้นำด้านพลังงานของเมืองไทยอย่าง ปตท. เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้”
“โครงการที่เราได้ร่วมดำเนินการที่ VISTEC ในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของเราเพื่อการแปรรูประบบดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศเท่านั้น หากยังถือเป็นพื้นที่ทดสอบสำหรับงานวิจัยและพัฒนาของกลุ่ม ปตท. และทีมนักวิจัยของ VISTEC ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Electricity Value Chain และ Smart City ซึ่งเราหวังว่าจะสามารถนำไปใช้ต่อยอดในภาคธุรกิจต่อไป” นายดรุณพร กมลภุส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนานวัตกรรมและดิจิทัล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าว
โครงการ AIoT SMART GRID สำหรับสถาบันวิทยสิริเมธี มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงปลายปี พ.ศ. 2563