ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ GOLD ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริการที่เกี่ยวข้อง โดยนายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ในปี 63 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวม 19,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มียอดรายได้รวม 17,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% เทียบปี 61 และตั้งเป้ายอดขาย 33,000 ล้านบาท สำหรับในปีนี้ตั้งเป้ารับรู้รายได้สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยแนวราบที่ 17,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% จากปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น ทาวน์โฮม 8,800 ล้านบาท (52%) Big Home บ้านเดี่ยว 3,000 ล้านบาท (18%) นีโอ โฮม บ้านแฝด 3,000 ล้านบาท (17%) ต่างจังหวัด 2,200 ล้านบาท (13%) และ โดยวางแผนจัดซื้อที่ดินไว้ที่ 17 แปลง มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ในปีนี้ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 10 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท โครงการ นีโอ โฮม 6 โครงการ มูลค่า 8,500 ล้านบาท ต่างจังหวัด 2 โครงการ มูลค่า 3,500 ล้านบาท และ Big Home บ้านเดี่ยว 1 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท
สำหรับปี 63 มองปัจจัยต่างๆ อาจยังไม่เอื้อ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังทรงตัว และผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่ยังส่งผลต่อลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 มาตรการเข้มงวดเรื่อง DSR (Debt Service Ratio) หรือ อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึง สัดส่วนรายจ่ายในการชำระหนี้ต่อรายได้ของครัวเรือน ซึ่งทำให้ลูกค้ากู้ได้ยากขึ้น ขณะที่หนี้สินครัวเรือนยังสูงอยู่ และค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ลูกค้าต่างชาติชะลอการตัดสินใจซื้อ เป็นต้น แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจ อาทิ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มคงตัวและลดลง และแรงงานทางธุรกิจก็มีมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกลยุทธ์ฝ่าอสังหาฯ ในปีนี้ โดยใช้รูปแบบที่เรียกว่า Classic Model คือจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Real Demand เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง โดยวางระดับราคาสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะกับกำลังซื้อ กลุ่มทาวน์โฮม 2-5 ล้านบาท นีโอ โฮม 5-8 ล้านบาท BIG HOME บ้านเดี่ยว ระดับราคาที่ 8-15 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเน้นบริหารงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับสถานะขายและโอน ควบคุมค่าใช้จ่ายการขายและการบริหารให้ลดลง 3% เลือกใช้วัสดุที่ควบคุมต้นทุนได้ หรือสินค้าที่มีแนวโน้มราคาที่ลดลง เช่นสุขภัณฑ์ หรือค่าถมดิน เป็นต้น ขณะเดียวกัน ในด้านกลยุทธ์สินค้า โกลเด้นแลนด์ ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นจุดแข็งในเรื่องฟังก์ชั่น และยังเพิ่มเรื่องของการออกแบบทั้งตัวบ้านและส่วนกลาง เพื่อเพิ่มบรรยากาศเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีให้มากขึ้นอีกด้วย
ส่วนคอนโดมิเนียม วางแผนในการขยายตลาดคอนโดมิเนียม มองว่า Real Demand ยังมีอยู่ เป็นกลุ่มคนทำงานในเมืองที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหารถติด หรืออีกแนวทางคือลงทุนกับโครงการพร้อมขาย แล้วนำมาพัฒนาต่อ เพื่อรับรู้รายได้ได้ทันที
ด้านความคืบหน้า บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FPT จะทำคำเสนอซื้อหุ้นของ GOLD จากผู้ถือหุ้นรายย่อยในส่วนที่เหลือไม่ถึง 5% ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินราคาที่เหมาะสม หลังบริษัทจ่ายเงินปันผล คาดกระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นไม่เกินเดือน มิ.ย.63
www.mitihoon.com