ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายสดาวุธ เตชะอุบล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มัลติ แอสเซ็ท หรือ กองทุนเปิด M-MULTI ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก มีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งเหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และตลาดมีความผันผวน โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหน่วยลงทุนได้แก่ 1. M-MULTI-A (เน้นการลงทุนเพื่อสะสมมูลค่า) และ 2. M-MULTI-D (เน้นลงทุนเพื่อรับเงินปันผล)
กองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุน, ตราสารหนี้, เงินฝาก, หน่วยลงทุนของกองทุนรวม และอื่นๆ โดยมีอัตราส่วนการลงทุนในต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการลงทุนในต่างประเทศ และ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient portfolio management)
M-MULTI ลงทุนผสมผสานสินทรัพย์มุ่งเน้นให้เงินทุนเติบโตและควบคุมความผันผวนในการลงทุนไม่ให้สูงเกินไป ส่วนที่เน้นการเติบโต ลงทุนในหุ้นต่างประเทศผ่านกองทุน Wellington Global Quality Growth และกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ โดยลงทุนในกองทุน H2O Allegro และ/หรือ GAM Star Credit Opportunities ที่ให้ผลตอบแทนสูงจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ จากสถานะถือครองเงินตราต่างประเทศ และผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ของบริษัทเอกชน M-MULTI จัดสรรเงินลงทุนบางส่วนในกองทุน PIMCO GIS Income ที่ลงทุนพันธบัตรรัฐบาล ตราสารแปลงสภาพจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีปานกลางและมีความสัมพันธ์ต่อส่วนการลงทุนอื่นๆ ต่ำ เพื่อลดความผันผวนของพอรต์การลงทุน
กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนบางส่วนหรือทั้งหมดตามแต่สภาวการณ์ ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกได้ตั้งแต่ 10,000 บาท และมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป 1,000 บาท