ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ ASP โดยดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า ในปี 2563 เอเซีย พลัส กรุ๊ปฯ ตั้งเป้ารายได้รวมโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน โดยจะรุกธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดี ได้แก่ ธุรกิจบริการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ธุรกิจกองทุนรวม ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจแคปปิตอลมาร์เก็ต
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัสฯ ยังคงมุ่งเน้นการกระจายรายได้ไปในธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางรายได้ โดยในส่วนของธุรกิจบริการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศนั้น มองว่ายังมีแนวโน้มดี ตลาดที่น่าลงทุนและเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี ได้แก่ ตลาดสหรัฐฯ และจีน เนื่องจากยังมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 แต่รัฐบาลสหรัฐฯ และจีน พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่ม เทคโนโลยี เพราะเป็นเมกาเทรนด์ (Mega trend) หรือเลือกลงทุนใน Structured Products อย่าง FCN (Fixed coupon note) และพันธบัตรต่างประเทศ (Bond) เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำกว่าการซื้อหุ้นโดยตรง และได้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ
ขณะที่ธุรกิจกองทุนรวม ในปีนี้จะเน้นลงทุนในกลุ่มที่สร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ย (Yield Play) โดยเฉพาะกลุ่ม REITs และ Infrastructure ทั้งในไทย สิงคโปร์ และทั่วโลก เนื่องจากมองว่าธนาคารกลางทั่วโลก จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่นน่าสนใจ และยังเป็นการกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงได้ด้วย
สำหรับธุรกิจเวลธ์แมเนจเม้นท์ (Wealth Management) ในปีนี้ ASP จะรุกตลาดมากขึ้นเช่นกัน เพราะมองว่าการลงทุนทั่วโลกมีความผันผวน จากปัญหาสงครามการค้า และไวรัสโคโรนา ที่กระทบเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ผู้ลงทุนจึงมองหาการลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนดี ทำให้ธุรกิจเวลธ์แมเนจเม้นท์ เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี.
ส่วนธุรกิจแคปปิตอลมาร์เก็ต ในปีนี้มองว่ายังเติบโต ผลจากภาวะดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ผู้ลงทุนแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ย อย่างเช่น หุ้นกู้ภาคเอกชน ขณะเดียวกันเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้การขอสินเชื่อของผู้ประกอบการต่อสถาบันการเงินทำได้ยากขึ้น หลายแห่งจึงหันมาระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้แทน
ดร.ก้องเกียรติ กล่าวถึง ธุรกิจบริการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังมีแนวโน้มชะลอตัว จากภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งกระทบกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในตลาดหุ้น ทำให้คาดว่า การเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นโดยเฉลี่ยของตลาดไทยปีนี้ จะติดลบเมื่อเทียบกับปีก่อน ดังนั้น เอเซีย พลัส กรุ๊ปฯ จึงมุ่งเน้นบริการด้านงานวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อเฟ้นหาหุ้นที่เหมาะแก่การลงทุน
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,918 ล้านบาท กำไรสุทธิ 359 ล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจบริการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ สัดส่วน 40% ลดลงจาก 45% ในปีก่อน, รายได้จากธุรกิจกองทุนรวมและรายได้จากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ 26% เท่าปีก่อน, รายได้จากธุรกิจแคปปิตอลมาร์เก็ต และวาณิชธนกิจ เพิ่มเป็น 16% จาก 14% ปีก่อน และรายได้จากธุรกิจการลงทุนของบริษัทเอง เพิ่มเป็น 18% จาก 14% ปีก่อน
www.mitihoon.com