TKS อวดผลงานปี 62 รายได้-กำไรสวย ชงจ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 0.40 บาท/หุ้น

176

 


TKS ประกาศผลงานปี 2562 กวาดรายได้ 2,497 ลบ. โตร้อยละ 21.7 มีกำไรสุทธิ 410 ลบ. โตร้อยละ 35.1 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้านบอร์ดมีมตินำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังเป็นเงินสด 0.40 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 18 พฤษภาคม 2563  “สมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์เอ็มดี กางแผนธุรกิจปี 2563 ลุ้นเตรียมรับงานโปรเจ็กต์ใหญ่ รุกสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ให้มาร์จิ้นสูง และเพิ่มบริการอื่น หนุนรายได้โตต่อเนื่องร้อยละ กอดลูกค้าองค์กรในมือเหนียวแน่น แถมเล็งรับรู้กำไรจากการลงทุนบริษัทลูก TBSP-SYNEX อีกด้วย

นายสมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบธุรกิจ Security Printing ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่าผลประกอบการงวด ปี 2562(1 ม.ค.-31 ธ.ค.2562) บริษัทฯมีรายได้รวม 2,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  445 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,052  ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ในส่วนของแบบพิมพ์ธุรกิจพิเศษ (High-Valued Document) และแบบพิมพ์ดิจิทัล (Digital Print and Mail) เพิ่มขึ้น  มีกำไรสุทธิ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.1 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 303 ล้านบาท

ในปี 2562 รายได้หลักสิ่งพิมพ์ TKS สามารถทำผลงานได้ดีขึ้น  สนับสนุนให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ทั้งรายได้และกำไร   ประกอบกับการปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จ  ส่งผลให้ทั้งรายได้และกำไรเติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้ และเป็นเทรนด์ว่าเราจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆไปนายสมคิด กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2562 และจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท และสำหรับงวด 6 เดือนหลัง สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท  กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 19 มีนาคม 2563  และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พฤษภาคม 2563

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2563 ประเมินว่าการเติบโตดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตราวร้อยละ 5 คาดว่าจะมีงานโปรเจกต์ใหญ่ อาทิ งานบัตรเลือกตั้งท้องถิ่นในช่วงเดือนกรกฎาคม  การเลือกตั้งผู้ว่ากทม. องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น  งานพิมพ์พิเศษไปรษณีย์ทายผลฟุตบอลโลก รวมถึงบริษัทมีลูกค้าองค์กรในมืออย่างต่อเนื่อง

ปีนี้เราตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ประมาณร้อยละ โดยผลประกอบการโดยรวมของ TKS ยังไปได้อยู่ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะชะลอตัว  แต่เนื่องจากเรามีการปรับปรุงระบบภายในและกลยุทธ์ต่างๆไว้แล้ว ทำให้ปีนี้เราไม่ต้องฝ่าวิกฤตที่ร้อนแรงมากนัก ซึ่งในปี 63 การ Synergy ของกลุ่มบริษัททั้ง TBSP และ SYNEX จะสมบูรณ์มากขึ้น ยิ่งทำให้ต้นทุนการบริหารงานลดลง หนุนกำไรเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยนายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังขยายการให้บริการไปยังสิ่งพิมพ์ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งพิมพ์แบบทั่วไปและเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งจะไม่ถูกกระทบด้านการแข่งขันเรื่องราคามากนัก และคาดว่าจะช่วยให้อัตรากำไรของบริษัทในปีนี้เติบโตได้ดีกว่าที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่ราว 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ สำหรับงบลงทุนปีนี้บริษัทได้วางไว้ที่ประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเครื่องจักร  รวมถึงการวิจัยและพัฒนาคุณภาพการผลิต โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นและส่งเสริมการศึกษาวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และรูปแบบการบริการใหม่ๆ ที่มีความแตกต่าง เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรที่เป็นลูกค้าฐานใหญ่ของบริษัท ด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยังคงเดินหน้าขยายการเติบโต และมีการลงทุนเสริมอุปกรณ์และเทคโนโลยีในการบริหารคลังสินค้าและขนส่ง เพื่อต่อยอดธุรกิจ รองรับอิเล็กทรอนิกส์พาณิชย์ (E-commerce) ซึ่งจากการขยายธุรกิจ และการลงทุนดังกล่าว บริษัทมีความเชื่อมั่นยอดขายและธุรกิจของบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังรับงานพิมพ์แสตมป์ต่างๆ อย่างเช่น แสตมป์ของการไปรษณีย์ หรือไฮเปอร์มาร์ท ปัจจุบันลูกค้าไฮเปอร์มาร์ทชั้นนำที่มีการพิมพ์แสตมป์นั้น เป็นลูกค้าของ TKS ถึง 3 รายด้วยกัน และขณะนี้ TKS ถือเป็นรายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งงานแสตมป์ภาคเอกชนสูงสุด  ส่วน TBSP เป็นรายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งงานแสตมป์ภาครัฐที่สูงที่สุดเช่นกัน

นอกจากนี้ คาดว่าการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนดีกว่าปีก่อน จากการถือหุ้นในบริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP ในสัดส่วนร้อยละ 97.14  โดยแนวโน้มผลงานของ TBSP ในปี 2563 นี้ คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปี 2562 จากการรับงานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม รวมถึงสามารถรับงานผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้ อย่างเช่น งานพิมพ์สมาร์ทลาเบล ที่ทำให้กับลูกค้าต่างประเทศที่บวกเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้าไปด้วย เป็นต้น

ส่วนบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX บริษัทถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 38.51 ถึงแม้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ ได้แก่ กรณีสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่มีผลต่อยอดขายโทรศัพท์ของ Huawei ที่เป็นแบรนด์สินค้าหลักลดลง แต่คาดว่าในปีนี้จะสามารถกลับมาทำผลงานได้ดีเหมือนที่ผ่านมา บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสะท้อนธุรกิจในปี 2563 ให้มีการเติบโตได้เป็นอย่างดี

www.mitihoon.com