PYLON ผลงานเจ๋ง โกยกำไร 277.61 ลบ. โต 27% บอร์ดใจป้ำจ่ายปันผล 0.27 บ./หุ้น  

162


มิติหุ้น-  PYLON อวดผลงานปี 62 โกยกำไรสุทธิ 277.61 ลบ. เพิ่มขึ้น 27.47% กวาดรายได้ 1,554.23 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.27 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผล 22 พ.ค. 63 “ดร.ชเนศวร์ แสงอารยะกุลแม่ทัพใหญ่ เผยปีนี้เติบโตต่อเนื่อง จากภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างฐานรากขยายตัว พร้อมลุยประมูลงานเพิ่ม รับการอนุมัติพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563

ดร.ชเนศวร์  แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดปี 2562 มีกำไรสุทธิ 277.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.47%  จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 217.79 ล้านบาท มีรายได้จากการให้บริการ 1,554.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.16%  จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,436.91 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 409.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.82%  จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 338.62 ล้านบาท

ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.27 บาท เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD)  วันที่ 13 มีนาคม 2563 และจ่ายปันผลวันที่ 22 พฤษภาคม 2563

“ผลประกอบการปี 2562 ออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และกำไร และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26.32 % อัตรากำไรสุทธิ 17.61% สะท้อนการบริหารจัดการอย่างดีเยี่ยม จากงานในมือที่สูง ส่งผลให้รายได้ปรับเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าจะดีต่อเนื่องมาถึงต้นปีนี้ พร้อมเดินหน้ารับโครงการใหม่ๆ สนับสนุนปี 63 ให้เติบโต” ดร.ชเนศวร์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2563 มองว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% จากปี 2562 จากความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลงานโครงการใหม่ๆ ทั้งในส่วนของงานฐานรากของภาคเอกชนและงานหน่วยงานราชการ โดยไตรมาสที่ 1/2563 ยังมีการทยอยรับรู้รายได้จากงานต่อเนื่อง คาดว่าจะมีปริมาณงานมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นงานภาคเอกชน ในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนงานราชการน่าจะขยายเข้ามาในช่วงกลางปีถึงครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมาได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เกี่ยวกับพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ซึ่งให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป มีวงเงินกรอบงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท มองว่า จะส่งผลดีต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก จากการเข้าไปรับงานโครงการลงทุนด้านสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของภาครัฐ ได้แก่ โครงการทางด่วนดาวคะนองพระราม 3  ทางยกระดับพระราม 2  โครงการรถไฟความเร็วสูงไปอีอีซี และโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช เป็นต้น ทำให้เชื่อว่าภาพรวมด้านรายได้จะเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา

www.mitihoon.com