STI มาตามนัด ปี 62 กำไรโต 17% – จ่ายเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น  ตั้งบริษัทย่อย “สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ เวนเจอร์” ลุยผนึกพันธมิตรเสริมแกร่ง

108

มิติหุ้น – “สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์” หรือ STI เผยงบปี 62 โตอย่างแข็งแกร่ง รายได้จากการให้บริการ 712.3 ล้านบาท โตเกือบ 13% กำไรสุทธิอยู่ที่ 85.5 ล้านบาท โต 17% จากความสำเร็จในธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างได้รับงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงานที่มีอัตรากำไรสูง ควบคู่การบริหารจัดการต้นทุน หนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 33.7% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.8% บอร์ดควักกระเป๋าจ่ายปันผลเป็นเงินสดสูงถึง 91% ของกำไรสุทธิ ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายปันผล 27 พฤษภาคมนี้ พร้อมประกาศจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ “สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ เวนเจอร์” เพื่อขยายโอกาสในการเติบโต และสร้างฐานกำไรที่โดดเด่นในระยะยาว ส่วนปี 63 ปักธงรายได้โตต่อไม่ต่ำกว่า 10% จากงานในมือตุนไว้แล้วกว่า 2 พันล้านบาท
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2562 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562) มีรายได้จากการให้บริการ 712.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.9 ล้านบาท หรือ 12.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 631.4 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 240.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.4 ล้านบาท หรือ 20.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 200 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 85.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.4  ล้านบาท หรือ 17.% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 73.1 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการ การเพิ่มขึ้นของปริมาณงาน โดยเฉพาะงานที่มีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น และจากการบริหารจัดการต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานที่ดีขึ้น
จากความสำเร็จในการบริหารงาน ส่งผลให้ STI มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 33.7% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.8% ซึ่งสูงกว่าอัตรากำไรในปี 2561 แม้จะมีการบันทึกสำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ทำให้กลุ่ม STI มีหนี้สินสำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายจ่ายครั้งเดียวและไม่ใช่รายการเงินสด ซึ่งหากไม่รวมต้นทุนการให้บริการในส่วนนี้ กลุ่ม STI จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 93.5 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 34.8%
อย่างไรก็ดี รายได้จากการให้บริการปี 2562 เติบโตขึ้นตามเป้าหมายในครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างจำนวน 52.4 ล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นของปริมาณงานที่ให้บริการในปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เช่น โครงการ One Bangkok โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์  เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน รายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมมีจำนวนเพิ่มขึ้น 28.5 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นในปี 2562 เช่น งานโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนตามการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก งานโครงการประเภทโรงงานและคลังสินค้าหลายแห่ง และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น
“ภาพรวมปี 2562 เติบโตขึ้นตามเป้าหมาย จากงานในมือที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ความสามารถในการบริหารงาน การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และฐานะทางการเงินที่แข็งแรง โดยบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงอย่างมาก จากการจ่ายชำระเงินกู้ระยะยาวทั้งหมดไปในปีก่อนหน้าและได้ชำระหนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงินเกือบทั้งหมดในปี 2562 เป็นผลให้กลุ่ม STI ไม่มีเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินและมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างน่าประทับใจ ส่วนรายได้ของกลุ่ม STI มาจากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างสัดส่วน 84.7% ของรายได้จากการให้บริการรวม ส่วนรายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม มีสัดส่วนรายได้ 15.3% จากความสำเร็จในการขยายงานโครงการได้มากขึ้น โดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง รวมไปถึง การเข้าสู่งานภาครัฐรับบิ๊กโปรเจกต์ที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งในปีที่ผ่านมา และในปี 2563 นี้” นายสมเกียรติ กล่าว
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดจากกำไรสุทธิงวดปี 2562 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่าย 67 ล้านบาท และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 91% ของกำไรสุทธิหลังจัดสรรสำรองตามกฎหมายประจำปี 2562 ในงบการเงินเฉพาะกิจการ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 7 พฤษภาคม 2563 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 8 พฤษภาคม 2563 และวันที่จ่ายปันผล 27 พฤษภาคม 2563 เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่น และตอบแทนผู้ถือหุ้นที่สนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา อย่างไรก็ตามสิทธิในการรับเงินปันผลอยู่ในระหว่างการนำเสนอขออนุมัติจากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น
พร้อมกันนี้ มีมติจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ เวนเจอร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสในการเติบโต การลงทุนในกิจการอื่น รวมถึงโอกาสในการประกอบธุรกิจที่ปรึกษา หรือธุรกิจอื่น นับเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลักที่มีความแข็งแกร่ง สร้างฐานการเติบโตในระยะยาว
สำหรับ ภาพรวมธุรกิจปี 2563 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) กว่า 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 35-40 % แบ่งเป็นสัดส่วนงานในมือจากภาคเอกชน 76% และงานภาครัฐ 24% ล่าสุด ได้รับความไว้วางใจให้ควบคุมการก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยาย ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โซน C จำนวน 1 โครงการ โดยเซ็นสัญญาไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา  ประกอบกับ การบริหารโครงการในมือที่หลากหลาย และยังคงเดินหน้าตามแผน อาทิ โครงการ One Bangkok โครงการ The PARQ โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โครงการพัฒนาพื้นที่หมอน 33 หรือบล็อก 33 และงานโครงการประเภทโรงงานและคลังสินค้าหลายแห่ง เป็นต้น
ทั้งนี้ มองว่า STI ยังได้รับผลบวกจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 (พ.ร.บ.งบประมาณปี 63) วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ได้รับโปรดเกล้าฯ และมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 กระตุ้นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ กระตุ้นเศรษฐกิจ และงานภาคเอกชนที่จะขยายตัว ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมคึกคัก เพิ่มโอกาสในการรับงานมากขึ้น

www.mitihoon.com