TBSP ปี 62 โกยรายได้เกือบ 1,108 ลบ. – จ่ายปันผล 0.45 บ./หุ้น ปี 63 ปรับโครงสร้างธุรกิจ รุกขยายงานพิมพ์ซีเคียวริตี้พร้อมโซลูชั่น

89

มิติหุ้น – TBSP ประกาศงบปี 2562 รายได้จากการขายและให้บริการ 1,107.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.31 มีกำไร 132.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.03 ล้านบาท จากทยอยรับรู้ยอดขายของกลุ่มลูกค้าหลักที่ชะลอมาจากปี 2561 ควบคู่การปรับโครงสร้างการผลิตใหม่ ทำให้ต้นทุนลดลง รวมทั้ง รับรู้รายได้พิเศษจากการขายสินทรัพย์เสริมแกร่งกำไร บอร์ดบริษัทฯ ไฟเขียวจ่ายปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นงวดครึ่งปีหลังในอัตรา 0.45 บ./หุ้น รวมทั้งปีจ่ายปันผล 1.13 บ./หุ้น เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นในแผนการเติบโต ส่วนผลงานปี 2563 ตั้งเป้าโตต่อเนื่อง จากการผลักดันงานด้านซีเคียวริตี้อย่างครบวงจร

นายณฐพงศ์ พินิตพงศ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP ผู้ดำเนินธุรกิจการผลิตสิ่งพิมพ์ปลอดการปลอมแปลงอย่างครบวงจร ที่นำการพัฒนาใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจปี 2562 ประสบความสำเร็จ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,107.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.31 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,051.98 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 199.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.32 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.35 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 179.01 ล้านบาท กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 132.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.03 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3.48 ล้านบาท

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรจากผลการดำเนินงานปี 2562  โดยจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1.13 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 124.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นการจ่ายปันผลร้อยละ 77.7 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.68 บาท จึงคงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท กำหนดวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 19 มีนาคม 2563  กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล วันที่ 20 มีนาคม 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันอังคารที่ 12 พฤษภาคม 2563

ความสำเร็จของผลประกอบการในปี 2562 เนื่องจาก ยอดการสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าหลักที่ชะลอตัวในปี 2561 เริ่มกลับมาในปี 2562 รวมถึง การขยายไปยังธุรกิจใหม่ที่เป็นโอกาสตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี

อีกทั้งบริษัทฯ รับรู้รายได้พิเศษจากการขายสินทรัพย์อินโฟเซฟในไตรมาส 2/2562 ส่งผลให้กำไรปรับเพิ่มขึ้นสูงเมื่อเทียบกับปี 2561

สำหรับสัดส่วนธุรกิจในปี 2562 แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโซลูชั่นฉลากป้องกันการปลอมแปลง (Label & Packaging Solution) และกลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์ม (Digital Platform)  ซึ่งมีสัดส่วนรายได้รวมกันอยู่ที่ 17% กลุ่มลูกค้าหลักในธุรกิจนี้ ได้แก่ บริษัทภาคเอกชนขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ต้องการกลุ่มสินค้าป้องกันการปลอมแปลง เป็นต้น ขณะที่ธุรกิจเดิม ได้แก่ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ แบบฟอร์มทางธุรกิจ บัตรพลาสติก และอื่นๆ มีกลุ่มลูกค้าหลักคือภาคการเงิน ซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 83% ของรายได้จากการขายและบริการ ดังนั้น ในปี 2563 มุ่งเน้นขยายในกลุ่มธุรกิจใหม่ ดันสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 30% ขณะที่ธุรกิจเดิมคาดอยู่ที่ประมาณ 70% จากการขยายงาน ขยายฐานลูกค้า และเทรนด์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่างไรก็ดี TBSP ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2563 เติบโตอย่างต่อเนื่อง ช่วงต้นปีวางเป้าไว้ที่ 10 – 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เนื่องจาก ผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม จึงอาจพิจารณาเป้าหมายการเติบโตอีกครั้ง

ด้านปัจจัยการส่งออกไปต่างประเทศ ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ไม่ได้โฟกัสตลาดดังกล่าวเท่าไหร่นัก เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า มีแต่กลุ่มลูกค้ารายหลักที่ยังคงมียอดสั่งซื้อจากกลุ่มตลาด CLMV ที่มียอดขายเติบโตโดดเด่น จากงานธุรกิจสิ่งพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลงเดิมและการผลักดันของกลุ่มธุรกิจใหม่ อีกทั้ง บริษัทในเครือ และโรงงานของ TBSP อยู่ที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มีการขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัว และในปีนี้เตรียมแผนขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม รองรับความต้องการของตลาด มองว่าแม้ฐานเล็ก แต่ก็มีสัญญาณบวกในการเติบโตที่ดี

“ปัจจัยหลักการเติบโตในปี 2562 มาจากงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากงานที่เลื่อนมาตั้งแต่ปี 2561 รวมถึง การปรับโครงสร้างการผลิตใหม่ ทำให้ต้นทุนลดลง อีกทั้ง รับอานิสงส์จากการปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็ม จากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็กให้เป็นบัตรชิปการ์ดที่เป็นมาตรฐาน เพื่อยกระดับความปลอดภัย การใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์  ทำให้ยอดสินค้ากลุ่มดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจใหม่ได้รับการตอบรับ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มฉลากป้องกันการปลอมแปลง (Smart Label & Solutions) ยอดขาย Label ในปี 2562 โตประมาณ 36% แม้ยังมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 20 ราย และยอดขายที่ยังน้อยเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น แต่มีโอกาสเติบโตสูงในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าแล้วกว่า 100 ราย ทั้งนี้ สถานการณ์ปี 2563 วิกฤตไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลให้ผลงานปีนี้ชะลอตัวในบางโปรเจค จึงคาดว่าอาจมีการทบทวนเป้าหมายอีกครั้งหนึ่งหากมีความชัดเจนมากขึ้น” นายณฐพงศ์ กล่าว

www.mitihoon.com