มิติหุ้น – GL พร้อมสู้ศึกเจทรัสต์ มั่นใจชนะทุกคดีฟ้องร้อง วางเกมปี63 กำเงินสดกว่า 3 พันล้านบาท เร่งเครื่องขยายพอร์ตสินเชื่อเต็มสูบ ทั้งในไทย เมียนมา และกัมพูชา ลุ้นผลงานพลิกเป็นบวก ควบคู่คุมเข้ม NPL เล็งกดลงมาต่ำกว่า 5%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL ผู้ดำเนินธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อแก่ผู้บริโภค เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าในปี 2563 นี้จะเป็นปีที่ GL มีพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโตได้ดีกว่าปี 2562 และมีโอกาสที่ผลงานปีนี้จะกลับมาเป็นบวกได้ เนื่องจากการกลับมารุกตลาดอย่างเต็มที่ทั้งในประเทศไทย เมียนมา และกัมพูชา หลังจากที่ปีก่อนหน้านี้ GL จำเป็นต้องลดพอร์ตสินเชื่อในไทยและกัมพูชาลง เนื่องจากเผชิญปัญหาการฟ้องร้องคดีกับเจทรัสต์
มั่นใจชนะคดี-เร่งขยายพอร์ต
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ชนะคดีในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากที่ศาลล้มละลายกลางได้ยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และล่าสุดยังชนะคดีในสิงคโปร์ด้วย แม้ขณะนี้ทางเจทรัสต์จะมีการยื่นร้องต่อศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะสู้คดีอย่างเต็มที่กับเจทรัสต์ และจะชนะคดีในไทยได้ในที่สุดเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้จากปัญหาต่างๆ ที่เริ่มคลี่คลายทำให้ GL มีความคล่องตัวมากขึ้น และได้หันกลับมาขยายธุรกิจในไทย รวมถึงเมียนมา และกัมพูชาอย่างเต็มที่ โดยในปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ ในช่วงปลายเดือน มี.ค.63 ประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 600 ล้านบาท ที่เหลือจะนำไปขยายพอร์ตสินเชื่อ โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนในประเทศ การขยายฐานลูกค้าไมโครไฟแนซ์ และกรุ๊ปโลนในเมียนมาเป็นหลัก
เพิ่มช่องทางพร้อมคุมNPLต่ำกว่า5%
ขณะเดียวกัน การดำเนินงานในไทยภายใต้แบรนด์กรุ๊ปลีสนั้น ยังจะให้ความสำคัญกับการเปิดกว้างในการหาคู่ค้า รวมถึงการมองหาโอกาสในพื้นที่อื่นๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการเติบโตและเพิ่มโอกาสในการคัดกรองลูกค้าที่มีคุณภาพ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้เสียที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL ลง ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทมี NPL ในระดับมากกว่า 5% ในปีนี้จะพยายามกดลงมาให้ต่ำกว่า 5%
ด้านนายอลัน ฌอง ปาสคาล ดูเฟส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เปิดเผยว่า ผลประกอบการโดยรวมในปี 2562 ของบริษัทขาดทุน 21.61 ล้านบาท โดยมีรายได้ลดลง 340 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับปี 2561 ในขณะที่รายจ่ายเกี่ยวกับค่าบริการและค่าบริหารซึ่งไม่รวมถึงค่าที่ปรึกษา ลดลง 154 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13 % โดยปัจจัยลบมาจากค่าบริการทางกฎหมายมากกว่า 174 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นมากกว่า 100%) และการตั้งด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดจำนวน 135 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนใน Bank JTrust บริษัทในกลุ่มของ JTrust ซึ่งเป็นคู่กรณีในคดีความของบริษัท ค่าบริการทางกฎหมายและการตั้งด้อยค่าใน Bank JTrust ทำให้กำไรลดลงเกือบ 310 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ GL ขาดทุนในปี 2562
www.mitihoon.com