JMT ปิดดีลซื้อหนี้เพิ่ม 3 พันล.-ทุ่ม 4.5-6พันล.ซื้อหนี้เพิ่ม

67

 

มิติหุ้น-JMT ประเดิมต้นปีภาพรวมบริหารหนี้ส่อแววสดใส ประกาศซื้อหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันเข้าพอร์ตเกือบ 3,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2562 ซื้อหนี้เข้าพอร์ตได้เกือบ 29,000 ล้านบาท โดยใช้เงินเกือบ 3,400 ล้านบาท สนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้รวม ณ สิ้นปี 2562 อยู่ที่ราว 174,000 ล้านบาท ปีนี้วางงบลงทุน 4,500 – 6,000 ล้านบาท รับโอกาสซัพพลายหนี้ด้อยคุณภาพ สถาบันการเงินตั้งสำรอง และมีโอกาสทยอยขายหนี้ออกมาเพิ่มขึ้น สนับสนุน JMT ในฐานะผู้นำธุรกิจบริหารหนี้เบอร์หนึ่งเติบโตต่อ ส่วนผลงานปี 62 ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทั้งในแง่ของการจัดเก็บและกำไรสุทธิทำไว้ที่ 681 ล้านบาท

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ล่าสุด ประกาศปิดดีลการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพประเภทไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร มูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท จากสถาบันการเงินชั้นนำแห่งหนึ่ง สนับสนุนแนวโน้มผลงานปี 2563 และสะท้อนภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพในระบบยังมีการทยอยขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสามารถในการติดตามและการบริหารจัดการหนี้ ทำให้ JMT ได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงิน ย้ำการเป็นเบอร์หนึ่งภาคเอกชนในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ของประเทศไทย

ขณะที่ในปีนี้ JMT มีความพร้อมในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยวางงบลงทุนปี 2563 ไว้ที่ 4,500 ล้านบาท เพื่อซื้อหนี้ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน แต่หากมีความต้องการในการขายหนี้ออกมาเพิ่มขึ้นในตลาด บริษัทฯ ก็เตรียมวงเงินในการลงทุนไว้ถึง 6,000 ล้านบาท เพื่อพร้อมรับโอกาสในการเติบโต

สำหรับความสำเร็จ ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ มีพอร์ตบริหารหนี้รวมกว่า 174,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดจัดเก็บหนี้ทำได้ดีทะลุเป้าหมาย และทำสถิติสูงสุดได้เป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยมียอดจัดเก็บกระแสเงินสดเท่ากับ 3,204 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 33.5 จากปีที่ผ่านมา เป็นผลจากประสิทธิภาพการจัดเก็บที่ดีขึ้น และศักยภาพของกองหนี้ที่บริษัทได้เข้าลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 681.3 ล้านบาท เติบโตจากปี 2561 ร้อยละ 34.8 ซึ่งเป็นยอดกำไรสุทธิสูงที่สุดของบริษัทตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเป็นปีที่ 3 ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,524.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 35.1

นอกจากนี้ บริษัทฯ ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นในปี 2562 จำนวน 28,933 ล้านบาท ด้วยงบลงทุน 3,368 ล้านบาท โดยบริษัทใช้เงินลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกัน และไม่มีหลักประกัน ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งบริษัทฯ พิจารณาคัดสรรในการเข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ โดยคำนึงถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพเป็นสำคัญ และเป็นผู้บริหารหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันเอกชนอันดับ 1 ของประเทศไทย ทั้งนี้ กองหนี้ด้อยคุณภาพที่ซื้อเข้ามาในปี 2562 ดังกล่าวนั้น จะทยอยเข้ามาสร้างรายได้และกำไรที่ดีต่อเนื่องในปี 2563

ผลประกอบการปี 2562 ที่ผ่านมา ธุรกิจบริหารหนี้ และติดตามหนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว JMT เป็นผู้นำ สามารถซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้อย่างมีคุณภาพ สอดรับกับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนในประเทศที่มีระดับหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับมาตรฐานบัญชี IFRS9 ที่มีการเปลี่ยนแปลงมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้สถาบันการเงินมีการตั้งสำรองหนี้ด้อยคุณภาพ ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้ JMT เดินหน้าขยายพอร์ตบริหารหนี้ และสร้างรายได้ กำไรอย่างสม่ำเสมอ

“โดย JMT มีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในระดับที่สูงขึ้นต่อเนื่องในปี 2561 และในปี 2562 หรืออยู่ที่ประมาณ 145,000 ล้านบาท และ 174,000 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ในปีนี้คาดสถานการณ์การซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้ไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว” นายสุทธิรักษ์ กล่าวทิ้งท้าย