BCPG วางเป้า EBITDA ปี 63-68 โต 10-15%ต่อปี ตั้งงบลงทุนกว่า 4.5 หมื่นลบ.

157

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บีซีพีจี หรือ BCPG ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยนายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า แผนกลยุทธ์ 5 ปี (63-68) บริษัทตั้งเป้าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% เป็นผลจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ทยอยจ่ายไฟเข้าสู่ระบบ

ประกอบกับโครงการใหม่ที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้แก่ โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 3-4โครงการ ที่กำลังผลิตประมาณ 100MW รวมถึง โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 2 โครงการที่ลาว ขนาดกำลังการผลิต 114 MW ได้แก่ เขื่อน Nam San 3A และเขื่อน Nam San 3B ที่จะรับรู้รายได้เต็มปี และตั้งแต่ในปี 65 จะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม ประกอบกับจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ในประเทศอินโดนีเซีย เฟส 3 กำลังผลิต 30 MW จากเดิมที่มีอยู่ 170 MW

นอกจากนี้ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 600 MW มูลค่าโครงการ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน สปป. ลาว ที่กำลังพัฒนาผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน อิมแพค เอนเนอร์ยี่ เอเซีย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Impact Energy Asia Development Limited) ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทผลิตกังหันลม และอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการอนุมัติสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าของรัฐบาลเวียดนามคาดจะเซ็นได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งคาดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 66

ชณะเดียวกันยังมีรายได้จากธุรกิจขายปลีก (Retail) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านดิจิทัล เอนเนอร์ยี่ โดยขณะนี้มีความพร้อมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการ (Digital Energy Products & Services) โดยอยู่ในระหว่างการทำการตลาดผ่านคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจ Internet Service Provider ที่มีศักยภาพอีกหลายราย

ขณะที่บริษัทมีโครงการที่จะสร้างสายส่งจำนวน 2 โครงการ โดยโครงการแรกอยู่ทางตอนเหนือของ สปป.ลาว เป็นการสร้างสายส่งขนาด 220 กิโลโวลต์ เพื่อส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้มากกว่า 500 MW ซึ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามเพื่อทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามแล้ว โดยขณะนี้มีโครงการอื่นที่สนใจจะเข้าลงทุน

ส่วนสายส่งโครงการที่สองขนาด 500 กิโลโวลต์ อยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของ สปป.ลาว เพื่อส่งไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 600 MW ไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งมีศักยภาพในการรองรับกำลังการผลิตได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ในอนาคตบริษัทมองว่าโครงการสายส่งนี้สามารถรองรับโครงการโรงไฟฟ้าอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้

อย่างไรก็ดี ในช่วง 5 ปี บริษัทจะใช้เงินลงทุน 45,000 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาลงทุนโครงการที่มีอยู่ในมือแล้ว และโครงการที่จะเข้าซื้อกิจการ ซึ่งเป็นกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินกู้บางส่วน ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนระดับ 1.30 เท่า ซึ่งนโยบายบริษัทควบคุมให้ไม่เกิน 3เท่า

www.mitihoon.com