ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานความเคลื่อนไหวของ “ดัชนีดาวโจนส์” ปิดตลาดที่ระดับ 26,121.28 จุด ลดลง 969.58 จุด หรือ -3.58 % ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดที่ระดับ 8,738.59 จุด ลดลง 279.50 จุด หรือ -3.10 % และ ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดที่ระดับ 3,023.94 จุด ลดลง 106.18 จุด หรือ -3.39 %
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ (6 มี.ค.63) ลดลงต่ำสุดที่ 30.15 จุด แตะที่ระดับ 1,360.68 จุด โดย “นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ” นักกลยุทธ์การลงทุนจากฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ มีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ภายหลังจาก “เชื้อไวรัส Covin-19” ได้แพร่กระจายไปยังฝั่งยุโรป ซึ่งส่งผลกระทบให้นักลงทุนไม่กล้าตัดสินใจในการเข้าลงทุน เพราะไม่รู้ว่าการรุกรามของ “เชื้อไวรัส Covin-19” จะสามารถควบคุมได้เร็วหรือไม่
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้แนะนำ “รอจังหวะซื้อกลับ” โดยแนะนำเลือกลงทุนในหุ้น OSP-AGE-BAMมอบกรอบดัชนีที่แนวรับ 1,360 จุด และ แนวต้าน 1,400 จุด
ด้าน “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” เปิดเผยว่า คาดว่า SET Index จะปรับตัวลงในกรอบ 1,360-1,380 จุด โดยบรรยากาศการลงทุนเป็นลบภายหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯพลิกกลับมาร่วงแรง จากแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ล่าสุดได้แพร่ไปยังกลุ่มประเทศยุโรป ได้แก่ เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ ขณะที่นอรเวย์และสวีเดนก็พบผู้ติดเชื่อจำนวนมากเช่นกัน รวมถึงกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยยะ ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจซึ่งรวมถึง กนง.ที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยปลายเดือนนี้เช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยแนะนำให้ “รอทยอยสะสมหุ้นกลับ” โดยเฉพาะหากปรับลงใกล้ระดับ 1,320-1,300 จุด หลังจากให้ “ขายทำกำไรระยะสั้น” ที่ระดับ 1,400 จุด ส่วนพอร์ตหลักยังเน้นถือหุ้น Defensive และ Dividend Play โดยหุ้นเด่นเดือน มี.ค.63 ได้แก่ CHG- EA-RBF-SFLEX-SISB
www.mitihoon.com