มิติหุ้น- BJCHI ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 62 ในอัตราหุ้นละ 0.13 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 208 ล้านบาท พร้อมจ่ายเป็นเงินสดในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ “หยัง เจิน ลี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุ เดินหน้าประมูลงานใหม่ คาดว่าจะรู้ผลการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ น้ำมัน และปิโตรเคมี เร็วๆ นี้ ขณะที่มีงานในมือรอรับรู้รายได้ตุนไว้กว่า 3 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง หนุนผลงานปีนี้โตโดดเด่น
นายหยัง เจิน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นประจำงวดปี 2562 อัตราหุ้นละ 0.13 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 208 ล้านบาท ซึ่งการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมในส่วนของกำไรจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน(BOI)
ทั้งนี้ เงินปันผลจะได้รับยกเว้นไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยบริษัทฯจะกำหนดให้วันที่ 18 มีนาคม 2563 เป็นวันให้สิทธิ ผู้ถือหุ้น (Record Date)ในการได้รับเงินปันผล ซึ่งบริษัทจะดำเนินการภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ในวันที่ 24 เมษายน 2563
” ภาพรวมผลประกอบการปี 2562 มีทิศทางที่ดีขึ้นชัดเจน โดยมีกำไรสุทธิ 47.2 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน เนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก๊าซ และเหมืองแร่ที่ฟื้นตัว ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้มีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ UPGN โครงการ Santos โครงการ Linde อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โครงการขนาดใหญ่อย่าง Crisp บริษัทจะเริ่มรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2563 เป็นต้นไป “
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2563 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มีมูลค่างานในมือที่ตุนไว้แล้วกว่า 3,000 ล้านบาท และยังมีงานที่ยื่นประมูลไปแล้ว มูลค่ารวมกันกว่า 17,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มองว่า ในปีนี้มีโอกาสอย่างมากที่จะได้รับงานเพิ่มเติมอีกในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นปีนี้คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 15-20% และหากบริษัทชนะการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ น้ำมันและปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าจะรับทราบผลประมูลเร็วๆ นี้ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้ได้เป็นอย่างดี
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 47.2 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุน 231.2 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมเท่ากับ 2,073.2 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 943.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% ปัจจัยที่ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุน จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก๊าซ และเหมืองแร่ที่ฟื้นตัว ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้มีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ UPGN โครงการ Santos โครงการ Linde อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โครงการขนาดใหญ่อย่าง Crisp บริษัทจะเริ่มรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้
www.mitihoon.com