นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เรื่องมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน ดูแลปัญหาภัยแล้งและกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.63 โดยมีมาตรการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไฟฟ้า ให้ตรึงค่าเอฟทีในเดือนพ.ค.ที่อัตราเดิมคือ -11.6 สตางค์ และลดค่าไฟฟ้าในอัตรา 3% ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.63) นั้น
บริษัทมีความยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ โดยมาตรการปรับลดค่าไฟฟ้าในระยะสั้นในอัตรา 3% เป็นระยะเวลา 3 เดือนนี้ บริษัทประเมินผลกระทบต่อรายได้รวมทั้งปีในอัตราเพียง 0.17% เพราะเป็นมาตรการชั่วคราว และไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทที่มีสัดส่วนถึง 77% ของรายได้รวม
ทั้งนี้บริษัทมุ่งมั่นขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้มีลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ที่ลงนามซื้อขายไฟฟ้ารวมถึง 31 MW ทยอยเข้ามาในช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.63 มียอดการใช้ไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนในอัตรา 1% ซึ่งมาจากการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และเครื่องปรับอากาศ
นอกจากนี้ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเป็นต้นทุนหลักของบริษัทที่มีสัดส่วนกว่า 70% ของต้นทุนรวม บริษัทจึงมีโอกาสลดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญจากแนวโน้มการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติในเดือนม.ค.-ก.พ.63 มีการปรับตัวลงถึง 9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทประเมินว่าจะส่งผลบวกต่อกำไรของบริษัทราว 15% เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2,331 ล้านบาทในปี 62
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF เปิดเผยว่า แจ้งผลกระทบมาตรการให้ตรึงค่าเอฟทีผลกระทบเพียง 50 ล้านบาท หรือคิดเป็น1.02%ของกำไรสุทธิปี62ที่ราว 4,887 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำกลุ่มโรงไฟฟ้า “เท่าตลาด” โดยประเมินว่าการปรับลดราคาขาย 3% เป็นเวลา 3 เดือน พบว่า GPSC ผลกระทบจะอยู่ 180-270 ล้านบาท คิดเป็น 2.5-3.5% ของกำไรปี 63 ส่วน BGRIM กระทบ 75 ล้านบาท คิดเป็น 2.2% ของกำไรปี 63 และ GULF กระทบราว 50 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของกำไรปี 63 ขณะที่ EGCO และ RATCH ไม่มีนัยฯ ดังนั้นจึงไม่มีนัยฯต่อประมาณการกำไรกลุ่มฯโดยรวม ทำให้ยังคง FV เช่นเดิม
โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงวานนี้เชื่อสะท้อนประเด็นดังกล่าวมากเกินไป จึงแนะนำให้ “หาจังหวะลงทุน” ทั้ง GPSC (FV@B91), BGRIM (FV@B56), EGCO (FV@B360), RATCH (FV@B75) ส่วน GULF (FV@B162) เริ่มเห็น upside ให้ลงทุนมากขึ้น แต่อาจต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าลงทุนหุ้นช่วงนี้ เนื่องจากในภาพใหญ่สภาวะตลาดยังมีความผันผวนมาก
www.mitihoon.com