ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT โดยนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มธุรกิจจากผู้บริหารได้คงมุมมองที่มั่นใจต่อผลประกอบการในปี 63 ในแง่ 1.การลงทุนซื้อหนี้ใหม่ – บรรยากาศยังใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่การปรับใช้ TFRS9 จะทำให้การขายหนี้ NPL จากสถาบันการเงินเร็วขึ้นเป็น Upside risk 2.การเก็บหนี้ – เบื้องต้น 2 เดือนแรกของไตรมาส 1/63 การเก็บเงินสด (Cash collection) ยังเป็นปกติ ใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาด ดังนั้นปัจจุบันบริษัทยังบริหารจัดการได้ หากสถานการณ์ไม่บานปลาย และ 3. ผลกระทบจากมาตรฐานบัญขีใหม่ – ไม่ส่งผลต่อกำไรในบรรทัดสุดท้าย(สุทธิเท่าเดิม) แม้จะเปลี่ยนวิธีบันทึกของรายได้และต้นทุนจากเกณฑ์เงินสด (Cash) เป็นคงค้าง (Accrual basis) แม้อัตราส่วนการเงินโดยรวมอาจเปลี่ยนแปลงบ้างสำหรับหนี้ที่มีหลักค้ำประกัน (Secured loan)
ทั้งนี้ คงมุมมองปี 63 คาดกำไรทำสถิติใหม่ต่อ หลังยอดจัดเก็บเงินสดและกำไรสุทธิปี 62 ทำจุดสูงสุดที่ 3,204/681 ล้านบาท เติบโต 34% และ 35% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนตามลำดับ บนพอร์ตหนี้มูลค่า 1.75 แสนล้านบาท เติบโต 20% โดยเป้าหมายในปีนี้ยังเดินหน้าต่อทั้ง 1. ยอดเก็บเงินสด 4 พันล้านบาท เติบโต 25% 2.การลงทุนซื้อหนี้ใหม่ไม่น้อยกว่าปีก่อนที่ 3.3-4 พันล้านบาท ตามแนวโน้ม NPL ในระบบเร่งตัวสูงขึ้นเป็นบวกต่อ JMT 3. ธุรกิจประกัน(50%) จะไม่ฉุดขาดทุนเช่นปีก่อน (-30 ล้านบาท) หลังลดต้นทุนด้วยการปรับพอร์ตลด Loss ratio และเพิ่มสินค้ากลุ่ม Non-motor ที่อัตรากำไรดีกว่าเพิ่มขึ้น ประเมินกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 872 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 28%
ขณะที่ราคาปรับตัวลงตามภาวะตลาดและผลกระทบระยะสั้น แต่ JMT เป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดและกำไรสุทธิที่ทนทานต่อเศรษฐกิจผันผวนได้ ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21.60 บาท
www.mitihoon.com